วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

16: แสงแห่งท่าน พ.สุรเตโช

บันทึกไว้ระหว่างการเดินทางแสวงบุญขึ้นภูดานไห
เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2554 เวลา: 11:19:00
โดยมีผม (IT Man) และคุณเก๋ (manopk) ยืนอยู่ด้านล่าง
ภาพจากกล้องของผม...เวลาเดียวกัน

15: จากพ่อสู่ลูก...



ดร.นนต์ เมื่อวานนี้, 02:35 PM #5024
พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ท่านสร้างพุทธปฐวีธาตุขึ้นมา เพื่อแสดงถึงน้ำจิตน้ำใจและความมีเมตตาต่อเหล่านักรบธรรม เพราะท่านเห็นว่า จริตของนักรบธรรมต่างชื่นชอบและสร้างบารมีมาทางนี้ ท่านจึงมีเมตตาสงเคราะห์ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ด้วยความเพียร ด้วยหัวจิตหัวใจ ท่านย้ำเสมอว่า พระพุทธปฐวีธาตุ มีไว้เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ไม่ให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีในขณะที่เราแขวนพระอยู่ และไม่ได้ให้มีไว้เพื่ออวดกัน หรือแข่งกัน (แต่เพื่อแบ่งปันให้ชื่นชมกันได้) ท่านขอให้พวกเราใช้เพื่อการเจริญภาวนาสมาธิ และเพื่อเป็นพุทธานุสสติ...

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

14: เกสาธาตุเสด็จ


เกสาธาตุหลวงปู่ฝั้น อาจาโร...ที่บันทึกไว้เมื่อ เวลา 12:33 ของวันศุกร์ที่ 12 ส.ค. 2554

เกสาธาตุหลวงปู่ฝั้น อาจาโร...ที่บันทึกไว้เมื่อ เวลา 09:24 ของวันอาทิตย์ที่ 14 ส.ค. 2554
เสด็จมาเพิ่ม 1 คู่ ต่อหน้าผมกับครูชาติ

13: กุฏิ...พ.สุรเตโช...ปีติสุข


พุทโธ เม นาโถ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
ธัมโม เม นาโถ พระธรรมเป็นที่พึ่ง ของข้าพเจ้า
สังโฆ เม นาโถ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

 
ภาพกุฏิ พ.สุรเตโช ที่พวกเราร่วมกันสร้างถวาย
เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา 14 สิงหาคม 2554
พุทโธ เม นาโถ ธัมโม เม นาโถ สังโฆ เม นาโถ
09:50 (14 ส.ค. 54)

นักรบธรรมร่วมชาติ
(09:51)


คุณพ่อของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
(09:51)

ภาพเหตุการณ์อารมณ์ร่วม แห่งความปีติสุดๆ
ที่สื่อผ่านคำอธิษฐานของท่าน ดร.นนต์ส่งถึงเหล่านักรบธรรมทั้งหลาย

ดร.นนต์...19-08-2011, 01:31 PM
สภาวะแห่งความปีติสุดเกินที่พรรณาในบางเหตุการณ์นั้น ไม่มีอยู่ในสารบบของความนึกคิดใดๆมาก่อน เกินวิสัยของผู้คนทั่วไป หรือเกินวิสัยของผู้ยังไม่บรรลุธรรม ไม่มีอาการเสแสร้ง ไม่มีอาการปรุงแต่ง ไม่มีอาการของการอยากทำให้เกิด มันเป็นเอง เกิดเอง ตามเหตุแห่งบุญ ตามเหตุแห่งกาลเวลา ที่บังเกิดขึ้น

ในเช้าวันพระใหญ่ 15 ค่ำ เดือนเก้า ปี 2554 จะเป็นวันมงคลและจดจำสำหรับผมและเหล่านักรบธรรมที่รับรู้ร่วมกันกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ในเหตุการณ์แห่งความปีติในครั้งนี้ คือ ในขณะที่ผมก้มลงกราบพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมสัมพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ และพระธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์บนกุฏิของพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่นั้น ปรากฏจิตเกิดปีติและจิตรวมสงบ พร้อมกับแม่พระธรณีได้ดึงหน้าผากและมือผมไว้ติดแนบแน่นกับพื้นกุฏิ พยายามจะดึงขึ้นเท่าไรก็ไม่ได้ ยิ่งดึงหนักลงไปอีก ผมจึงโน้มจิตลงไปอธิษฐานต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อกันมาทุกพระองค์ เพื่อขอถอนสัจจะและสัญญาใดๆที่เป็นฝ่ายมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ในอดีตชาติทั้งหมด และขอยังไว้แต่สัจจะและสัญญาใดๆที่เป็นสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ปรากฏว่าความปีติหลั่งไหลออกมาจนหาที่สุดมิได้ และเป็นที่สุดแห่งชีวิต ขณะเดียวกันแรงดึงดูดก็ยังไม่สิ้นสุดประหนึ่งว่า เรายังไม่เสร็จสิ้นวาระแห่งคำอธิษฐาน ในช่วงเวลานี้ พ่อแม่ครูอาจารย์รับรู้ในวาระแห่งกระแสจิตของผม ท่านจึงได้เอ่ยกับทุกคนว่า ผมกำลังอยู่ในอาการแห่งความปีติสูงสุด ทำให้คุณแม่ชมร้องไห้ไม่หยุด รวมทั้งเหล่านักรบธรรมก็อยู่ในอาการที่ไม่ต่างกัน ผมได้อธิษฐานจิตต่อไป โดยพรรณาถึงความปีติในการได้มีบุญบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นและเพื่อยังกิจสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยืนยาว ระลึกถึงบุญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ได้มีการพรรณาถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อนธรรม เหล่านักรบธรรม จนบางครั้งสะอึกสะอื้น ไม่สามารถจะพรรณาต่อไปได้ ต้องหยุดตั้งจิตให้ผ่อนคลายความปีติไปสู่ความว่าง แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นาน สภาวะได้ดึงไปสู่ความปีติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อไม่สามารถดึงศรีษะและมือถอนขึ้นมาได้ จิตระลึกรู้ตัวหนึ่งผุดขึ้นมาก็คือ โอ้หนอความหนักอึ้งของเราขณะนี้ เสมือนเป็นความหนักอึ้งของสรรพสัตว์ที่หนักด้วยกิเลสทั้งหลาย วนเวียนอยู่ในความทุกข์ไม่สิ้นสุด หากเราสามารถถอนความหนักอึ้งให้กับพวกเขาได้ เราควรจะต้องทำ และก่อนอื่นข้าพระพุทธเจ้าขอกระทำให้ตัวเองเบาจากกองกิเลสทั้งหลายทั้งมวลก่อน หลังจากนั้น ผมจึงได้อธิษฐานจิตขอบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในภพนี้และมีความปรารถนาอย่างล้นพ้นที่จะยังคงช่วยพ่อแม่ครูอาจารย์ จนกว่าพระองค์ท่านจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาแห่งความปีติที่เกิดขึ้นมาอย่างกระทันหันแบบไม่ได้ตั้งใจหรือรู้ตัวมาก่อนนี้ มันช่างเป็นความสุขที่ยากจะอธิบายให้ใครทราบได้ แต่มันเป็นภาษาจิตที่เหล่านักรบธรรมและผู้ที่อยู่ในเหตุการรับรู้ในความปีติได้อย่างอัตโนมัติ นี้หนอความปีติสุขล้นแม้จะไม่ใช่การบรรลุธรรมชั้นสูง แต่มันก็อิ่มเอิบมาจนทุกวันนี้ แล้วการบรรลุอรหันตผลนั้น จะยิ่งใหญ่เพียงใด ผมไม่แปลกใจหรอกว่า ทำไมแผ่นดินจึงสั่นไหวไปหลายโลกธาตุ ผมอยู่ในอาการนี้ยาวนานนับสิบกว่านาที จึงอธิษฐานจิตขอถอนหน้าผากและมือขึ้นจากพื้น แต่ก็ค่อยพยุงขึ้นมาใช้แรงเต็มที่สามครั้งจึงสามารถถอนขึ้นมาได้ ตลอดเวลาก็นึกถึงบุญคุณของแม่พระธรณีที่มาเป็นพยานในครั้งนี้ บางอย่างผมไม่สามารถพูดออกอากาศได้ ผมรู้สึกว่าพระเบื้องบนและเทวดาท่านเสด็จมาอนุโมทนาในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้น จิตอันปีตินี้ได้ดึงให้ผมเข้าไปก้มกราบบนเท้าของพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างนอบน้อมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นภาพอันปีติอีกภาพหนึ่งที่จะไม่ลืมเลือนไปทุกชาติภพ เรื่องราวและความกระจ่างทั้งหลายนั้น คงต้องถามพ่อแม่ครูอาจารย์ต่อไป สิ่งที่พบ ที่เห็น เพื่อเป็นสิ่งยืนยันให้กับบรรดาเหล่านักรบธรรม เช่นเดียวกับปาฏิหารย์ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในวันก่อนนั้น.... ผมสามารถเล่าได้แต่เพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องภายในส่วนตัวมิสามารถเล่าได้.... ก็ขออนุโมทนากับผู้ที่ร่วมอนุโมทนาด้วยทุกท่าน และขอให้ผู้ที่ได้อ่านพบข้อความนี้ จงบังเกิดความปีติและโน้มนำท่านไปสู่ความสว่างแจ้งในธรรมทุกท่านเทอญ

12: ทางเดินจงกรม


สถานที่จงกรมที่พวกเรามีส่วนร่วมสร้างถวายพ่อแม่ครูอาจารย์
เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา
และท่านมีพระเมตตาสอนวิธีการจงกรมให้กับเหล่านักรบธรรมอีกด้วย



12: เกสาธาตุ


เส้นพระเกศาของพ่อแม่ครูอาจารย์ (พ.สุรเตโช) ที่ได้กลายเป็นพระธาตุแก้วสีขาวใส (พระธาตุเกศแก้วเกศาธรรม) เป็นพระธาตุของพระนิตยโพธิสัตว์เจ้าที่มีบารมีเต็มและใกล้จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกันกับหลวงปู่ดู่ที่จะเสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรย (บริสุทธิ์กว่าพระอรหันตสาวก)
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมลงกราบพระเกศาธาตุแก้วด้วยความปีติยิ่ง

เส้นพระเกศาของพ่อแม่ครูอาจารย์ (พ.สุรเตโช) ที่พึ่งปลงเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2554 และถ่ายภาพวันที่ 14 สิงหาคม 2554 กำลังรวมเป็นก้อน และเริ่มมีลักษณะจะเปลี่ยนเป็นแก้วใส และมีสีทองเป็นบางเส้น(องค์)

 

ดร.นนต์: 15-08-2011, 11:11 PM #3859
ผมขอเรียกว่า "พระพุทธปฐวีธาตุกายสิทธิ์"เป็นสิ่งมงคลที่พ่อแม่ครูอาจารย์สร้างขึ้นมาด้วยมือและจิตของท่าน (สร้างทีละองค์จึงไม่มีเหมือนกัน) มีพลังและเปล่งรัศมีออกมาเป็นวงกลม แม้กล้องถ่ายภาพก็สามารถบันทึกได้ จึงนับเป็นที่มหัศจรรย์อย่างยิ่งครับ 

 

11: ณ ภูผาผึ้ง

กาลครั้งหนึ่ง ณ ภูผาผึ้ง
ดร.นนต์: 15-08-2011, 11:04 AM #3819

"ภูผาผึ้ง" ดินแดน "อริยเจ้า" ที่เหล่านักรบธรรม ล้วนเคยบำเพ็ญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ดินแดนแห่งนี้มาตั้งแต่อดีตชาติ อนึ่ง...มีปริศนาหนึ่งผมจะขอตีความตามจิตของตัวเองคือ ปัญจวคีย์แบบพุทธประเพณีที่จะเกิดขึ้นในพุทธันดรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกในกัปป์หน้า ต่อจากพระศรีอาริยเมตไตรย ก็เคยบำเพ็ญอยู่ร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ดินแดนแห่งนี้ (พระติดตามห้ารูป เณรหนึ่งรูป)

กาลหนึ่ง วันที่ 13 สิงหาคม 2554 ขึ้น 14 ค่ำ เดือนเก้า เวลาประมาณบ่ายโมง เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาสอนธรรมและปฏิบัติธรรมขั้นสูงบนลานหินยอดภูผาผึ้ง ขณะกำลังเข้ากรรมฐาน องค์สุริยเทพได้แผ่รังสีพลานุภาพอย่างแรงกล้ามากที่สุดที่เคยพบมาในชีวิตในชั่วระยะไม่กี่นาที (ปรกติท้องฟ้าครึ้ม) ทุกคนได้รับพลังประหลาดนั้น และรู้สึกเช่นกันถึงพลานุภาพ แม้จะถูกรังสีแผดกล้าเหมือนไฟกำลังไหม้ผิวหนังอย่างรุนแรง แต่ความเย็นกลับแผ่ซ่านไปทั้งอินทรีย์ จิตกลับรวมอย่างรวดเร็ว และผิวกายไม่ดำไหม้แต่กลับขาวผ่องอย่างน่าอัศจรรย์ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า พระพุทธองค์มีพระเมตตาเสด็จมาอนุโมทนาและรับทราบในการแสวงบุญกันในครั้งนี้

ตกกลางคืน เวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีห้า ฝนได้ตกกระหน่ำเฉพาะบริเวณวัดภูดานไห โดยเฉพาะศาลาลานธรรม ที่เหล่านักรบธรรมกำลังนอนอยู่ในเต๊นท์และมุ้งกลด แต่บริเวณรอบนอกวัดออกไปกลับมีแสงดาวเต็มท้องฟ้า พวกเราสี่คนมี ผม คุณสมบัติ ครูชาติ คุณประจักร์(สาวกธรรม1) ได้ถูกทดสอบหลังจากเผชิญกับการนั่งสมาธิใต้แสงอาทิตย์อันแผดจ้าอีกครั้ง เพราะศาลาลานธรรมที่เราอยู่นั้น หลังคารั่วและน้ำหลากไหลเข้ามาจนเจิ่งนองไปทั้งพื้น ท่านสมบัติและท่านสาวกธรรมโชคดีที่ได้เต๊นท์กันน้ำได้ จึงยังคงนอนต่อไปได้ท่ามกลางกระแสน้ำไหล ส่วนผมมีมุ้งกลดและท่านครูชาติมีมุ้งครอบจึงไม่สามารถกันน้ำได้ ครูชาติจึงต้องนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำไหลผ่านกายด้วยความแน่วแน่ ผมเองต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิในขณะที่ผ้าห่มเปียกน้ำ และพอมีพื้นที่ที่ไม่เปียกน้ำพอนั่งได้ แต่ต้องแย่งชิงกันกับตะขาบตัวไหญ่ตัวหนึ่ง เรามีกำลังมากกว่าจึงเชิญเขาออกไปนอกศาลาจะได้ไม่เบียดเบียนกัน การนอนและการนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำและเสียงพายุฝน จึงเป็นอีกบททดสอบหนึ่งที่เราได้รับในการไปกราบและปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ในครั้งนี้ ทุกอย่างถูกสอนด้วยสภาวะจริงของธรรมชาติและสภาวะจริงทางธรรม ที่พ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาแก่ลูกศิษย์ทั้งหลาย

ในความปีติและความระลึกรู้เรื่องของการบำเพ็ญบารมี ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ด้วยตนเองเป็นปัตจัตตัง สัจจะ สัทธรรม คือความจริง ความจริงย่อมเป็นความจริง แม้สิ่งนั้นจะอยู่เหนือโลก บางอย่างจึงมิสามารถจะอธิบายให้ผู้อื่นรับรู้ได้ นอกจากผู้ที่อยู่สูงกว่าตัวเราเท่านั้น ที่ท่านสามารถรู้ได้

ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมรู้ว่า "ธรรม" คือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติคือเป็นสิ่ง "เหนือโลก"หมายความว่า เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจสภาวะความจริงของโลกคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นักปฏิบัติย่อมละวางในสิ่งทั้งหลาย ไม่ยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นอารมณ์ เมื่อละวางได้ สภาวะเหนือโลกก็จะบังเกิดขึ้น การเข้าใจสภาวะความร้อนของแสงแดดที่แผดจ้า และการเข้าใจกระแสน้ำและเสียงพายุฝนกระหน่ำ จึงเป็นเพียงบททดสอบพื้นๆสำหรับเหล่านักรบธรรมเท่านั้น... จงสู้ต่อไป... ความเป็นคนเอาจริง ทำจริง จะนำทางทุกท่าน ดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างนั้น นับเป็นบุญยิ่งแล้วสำหรับพวกเรา...
ขอให้ศิษย์พระตถาคตจงเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ






somlatri 15-08-2011, 11:21 AM #3820
โมทนาสาธุกับท่านอ.นนต์ครับ

พระอาจารย์ท่านบรรยายได้หมดจด ณ วันเวลาที่เหล่านักรบธรรมได้เรียนรู้และได้เข้าใจในความจริงของ "ผู้รู้" และ "ผู้ถูกรู้"บนจุดสูงสุดของภูผาผึ้ง จะมีสักกี่คนที่พบว่าการนั่งกรรมฐานกลางรัศมีสุริยะเทพนั้นได้ธรรมมากมายกว่านั่งในห้องแอร์ หรือนั่งโดยมีพัดลมเป่า หรือนั่งในยามค่ำคืนอันสงบเย็นเหมือนทั่วๆ ไปที่ทุกคนเคยทำกัน ไม่เสียชาติเกิดแล้วหนอเรา
ดร.นนต์ : 15-08-2011, 12:07 PM #3824
พระวรกายหรือธาตุขันธ์สมมุติของผู้อยู่เหนือโลก แม้จะละสังขารผ่านมาแล้วนับร้อยกว่าปีก็ยังคล้ายเดิม จริยวัตรและพระบารมีขององค์พุทธะย่อมแผ่ขจรไกลไปทั่วแดนโลกธาตุ ผู้อยู่ใกล้ชิดและได้รับพระเมตตาจากองค์ท่าน ย่อมมีความปีติอิ่มเอิบอย่างหาที่สุดมิได้

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมกราบแทบเบื้องพระบาทของพระองค์ท่าน แม้ข้าพระพุทธเจ้าจะสามารถล่วงเข้าพระนิพพานได้ในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังอธิษฐานจิตเพื่อมาช่วยพระองค์ท่านจนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่...ในพุทธกัปป์ต่อไป และจะยังกิจเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้นภพสิ้นชาติ...

คำอธิษฐานจิตนี้ ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อเบื้องพระพักตร์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์พระเบื้องบน เหล่าเทวดา และเหล่านักรบธรรมที่ได้รับรู้ในความปีตินี้ด้วยกันในเช้าวันพระ 15 ค่ำ เดือนเก้า พุทธศักราช 2554 จึงขออนุโมทนาในอนุโมทนาทานของเพื่อนธรรมทุกท่าน และขอบุญกุศลจงย้อนกลับไปสู่เพื่อนธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านนะครับ





ครูชาติ: 15-08-2011, 12:15 PM #3826
ทุกสิ่งที่เราพบเห็นคือของจริง ธรรมก็ของจริง พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพาพวกเราสร้างบารมีร่วมกันเพื่อพุทธภูมิ แล้วลองถามใจตัวเราหรือยังว่า "ตัวเราจริงหรือเปล่า" คนจริงจะพบของจริง คนไม่จริงก็จะไม่พบของจริง... ผมสัญญาว่าจะร่วมกับเหล่านักรบธรรมทุกท่านสร้างบารมีด้วยกันเพื่อมรรคผลนิพพานเป็นที่สุด.... และขออนุโมทนา ท่าน ดร.นนต์ ด้วยนะครับที่มาเจอพ่อแม่ครูอาจารย์ในอดีต....แล้วก็ได้ร่วมสร้างบารมีอีกครั้ง...และทุกคนที่มาเป็นนักรบธรรมคือ สาวกของท่านในอดีต และยังจะตามมาอีกมากมาย รอดูต่อไป...โดยไม่ต้องสงสัย...ต่อไปขอให้ตั้งหน้าตั้งตาสร้างบารมีร่วมกันเพื่อมรรคผลพระนิพพาน...ขอให้ถึงจุดหมายปลายทางทุกๆ ท่านเทอญ
ภูผาผึ้ง ดินแดนพุทธภูมิ และดินแดนอริยเจ้า ซึ่งเป็นที่พ่อแม่ครูอาจารย์เคยบำเพ็ญก่อนมาอยู่ภูดานไห ใครเป็นใครก็ดูเอาเองนะครับ
ครูชาติ:
ขออนุโมทนาสาธุด้วยทุกประการ ...ดีใจกับท่าน ดร.ด้วย เพราะวันนั้นทุกล้วนปิติกับท่าน คุณแม่ชม ก็ปิติจนน้ำตาไหล ส่วนผมก็ปิติเช่น จนน้ำตาไหลข้างในเช่นกัน...ขอให้คำอธิษฐานสมหวัง และเป็นจริงนะครับ...ขออนุโมทนาด้วย

IT Man:
ผมได้นมัสการถามพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ (การแผ่รังสีแห่งพระฉัพรรณรังสีกับแสงแห่งองค์สุริยะเทพ) จักเกิดขึ้นอีกหรือไม่ขอรับ ท่านก็ได้ตอบว่า สามารถเกิดขึ้นอีกได้อยู่ ก็พอเป็นกำลังใจให้เพื่อนธรรมที่ยังไม่มีโอกาสดีๆเช่นนี้นะครับ

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

10: พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช



พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช กับพระบูชาหลวงปู่คำพันธ์ (แบบยืน)

09: ถวายผ้าไตรพระอุปัชฌาย์

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000228.jpg
Views: 10
Size: 211.6 KB
ID: 1585585 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000230.jpg
Views: 9
Size: 180.5 KB
ID: 1585586 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000232.jpg
Views: 11
Size: 173.6 KB
ID: 1585587

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000239.jpg
Views: 9
Size: 182.6 KB
ID: 1585588 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000240.jpg
Views: 10
Size: 181.9 KB
ID: 1585589 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000247.jpg
Views: 9
Size: 179.9 KB
ID: 1585590

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000254.jpg
Views: 8
Size: 177.9 KB
ID: 1585591 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000256.jpg
Views: 9
Size: 197.0 KB
ID: 1585592 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000261.jpg
Views: 9
Size: 167.5 KB
ID: 1585593

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000264.jpg
Views: 8
Size: 171.1 KB
ID: 1585594 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000269.jpg
Views: 8
Size: 187.9 KB
ID: 1585595 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: P1000271.jpg
Views: 10
Size: 176.7 KB
ID: 1585596  


เช้านี้ (25-07-2011, 09:44 AM) นำภาพการถวายผ้าไตรฯ ตามเนื้อหาใน mail จากครูชาติข้างล่าง:ผมได้ร่วมเดินทางไปกับพ่อแม่ครูอาจารย์ และญาติธรรมวัดภูด่านไหไปถวายผ้าไตรแด่พระอุปัชฌาย์ ของพ่อแม่ครูอาจารย์ คือ พระครูพิสัยกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวง และเจ้าคณะอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ออกเดินทางเวลา 04.00 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ระหว่างเดินทางผ่านจังหวัดหนองคาย ได้แวะไหว้หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย แล้วเดินทางไป อำเภอโพนพิสัย โดยมีกระผมเป็นผู้ขับรถ นำคณะเดินทางไป และกลับถึงวัดภูด่านไห เวลา 20.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ได้เก็บภาพมาฝาก... ให้สังเกตุดูรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านทำตัวอ่อนน้อมถ่มตนวางทุกอย่างเหมือนเณรน้อยเข้าหาผู้ใหญ่ ท่านสอนเราว่าคนเราเวลาเข้าหาผู้ใหญ่ต้องวางทุกอย่าง ทำตัวอ่อนน้อม สัมมาคารวะ คารวะก็ มีคารวะวัยวุฒิ คุณวุฒิ และธรรมวุฒิ ท่านทำตัวของท่านเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เรา ทำเอาเราต้องอายท่าน และต้องมาพิจารณาตัวเองอย่างมาก.....

โมทนาสาธุกับคณะพ่อแม่ครูอาจารย์และทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญมา ณ ที่นี้ครับ

2-3 วันมานี้ ได้พบ ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน ของพระอริยเจ้าสังขารในภพนี้ไล่เลี่ยกันนอกจากพ่อแม่ครูอาจารย์ดั่งภาพข้างต้นแล้ว ก็คือจากหลวงปู่เณรคำ

ท่านบอกว่า ตอนที่แม่ท่านป่วยหนัก เป็นตัวท่านเองที่อุ้มแม่ขึ้นรถ
เมื่อเราอยู่กับพ่อกับแม่ จะต้องละทิ้งทุกอย่าง จะต้องเป็นลูกที่คอยต้องปรนนิบัติแด่ท่าน

ในหลวงของเราก็ดุจเดียวกัน ท่านทรงเข็นรถของสมเด็จย่า ขณะทรงป่วย และอื่นๆที่พระองค์ได้ทรงปรนนิบัติต่อสมเด็จย่า

ในเดือนหน้า ตรงกับวันแม่แห่งชาติ พวกเราไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์เพื่อบำเพ็ญบุญอันยิ่งใหญ่เพื่อแม่ของเรา ถวายแด่แม่หลวง และพระแม่ต่างๆของแผ่นดินกัน


http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-158.html#post4916550

08: ธุดงควัตร 13

ธุดงควัตร 13 ประกอบด้วย

1. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
2. ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร
3. ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร
4. ถือการบิณฑบาตไปโดยลำดับแถวเป็นวัตร
5. ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร
6. ถือการฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตรเป็นวัตร
7. ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร
8. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
9. ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
10. ถือการอยู่อัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร
11. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร
12. ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร
13. ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ คือการไม่นอนเป็นวัตร


การถือธุดงคบำเพ็ญได้ด้วยการสมาทานคือด้วยอฐิษฐานใจ หรือแม้นด้วยการเปล่งวาจา คุณประโยชน์ของธุดงควัตร คือ การยังชีพโดยบริสุทธิ์ มีผลเป็นสุข เป็นของไม่มีโทษ บำบัดความทุกข์ของผู้อื่นเสีย เป็นของไม่มีภัย เป็นของไม่เบียดเบียน มีแต่เจริญฝ่ายเดียว ไม่เป็นเหตุให้เสื่อม ไม่มีมารยาหลอกลวงไม่ขุ่นมัว เป็นเครื่องป้องกัน เป็นเหตุให้สำเร็จสิ่งที่ปรารถนา กำจัดเสียซึ่งศัสตราทั้งปวง มีประโยชน์ในทางสำรวมเป็นเครื่องสมควรแก่สมณะ ทำให้สงบยิ่ง เป็นเหตุให้หลุดพ้น เป็นเหตุให้สิ้นราคะ เป็นการระงับเสียซึ่งโทสะทำโมหะให้ พินาศไปเป็นการกำจัดเสีย ซึ่งมานะ เป็นการตัดเสีย ซึ่งวิตกชั่ว ทำให้ข้ามความสงสัยได้ กำจัดเสียซึ่งความเกียจคร้าน กำจัดเสีย ซึ่งความไม่ยินดีในธรรม เป็นเหตุให้มีความอดทน เป็นของชั่งไม่ได้เป็นของหาประมาณมิได้ และทำให้สิ้นทุกข์ทั้งปวง

อานิสงส์ การปฏิบัติธุดงควัตร ทำให้พระป่าที่จาริกไป ตามป่าเขา พำนักตามโคนไม้ เพิงผาและ ตามถ้ำเป็นอยู่อย่างสมถะ เสียสละ ลดละอุปโภคบริโภค ทำให้จิตของท่าน เป็นอิสระพ้นจาก พันธนาการเครื่องร้อยรัดขัดขวาง สู่ความเบาสบาย สงบเอื้อต่อการเจริญสมาธิภาวนา บำเพ็ญความเพียร การท่องไป ในป่าที่ดารดาษ ไปด้วยสิงสาราสัตว์ ภัยอันตราย เป็นการฝึกจิต หลอมใจ ให้เข้มแข็ง มีสติระลึกรู้ มีบทบริกรรม พุทโธ อยู่กับสายลมหายใจ การเจริญสติ ก่อให้เกิดสมาธิ และจิตตานุภาพ พระธุดงคกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตจะผ่านการประหารกิเลส ด้วยธุดงควัตร จิตของพระคุณเจ้า จึงมั่นคง เข้มแข็งด้วย ศีลสมาธิปัญญาศรัทธาความเพียร

พระป่า สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้มอบกายถวายชีวิต ในพระพุทธศาสนา ดำเนิน เดินตามทางรอยธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ ธุดงคจาริกไป ตามวนาป่าเขา เพื่อผลานิสงส์ ในการเพิ่มพูน บารมีธรรมแห่งพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อมรรคผล นิพพาน เพื่อสงเคราะห์โลก แลสรรพสัตว์ เป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา เป็นขุนพลกล้า แห่งกองทัพธรรมพระกรรมฐาน ที่มีคุณูปการ อเนกอนันต์ ตราบนิรันดร์สมัย

07: ช่องทางการทำบุญร่วมสร้างพุทธสถานภูดานไห


เรียน นรธ.,และญาติธรรมที่เคารพ,
เรื่อง ชี้แจงรายละเอียดบัญชีทำบุญวัดภูดานไห,

โครงการสร้างพุทธสถาน(วัด)ภูดานไห เป็นโครงใหญ่ที่มีความคิดริเริ่มจากการสร้างกุฏิถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ เมื่อก่อนเข้าพรรษาปีที่แล้ว (15 ก.ค. 54) เมื่อเสร็จแล้วก็ต่อเนื่องมายังการสร้างศาลาปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ เพื่อรองรับญาติโยมที่เข้ามาปฏิธรรมให้มีความสะดวกสบาย หลบแดด ลม ฝน ได้ดียิ่งขึ้น

จากโครงการที่มีขอบข่ายเพียงสองเรื่องหลักข้างต้น ก็ได้ขยับขยายไปคลอบคลุมทั้งวัด มีทั้งระบบน้ำ ระบบไฟฟ้า ถนนหนทาง ซึ่งก็ดำเนินไปอย่างไม่มีการติดขัด ขาดสาย หากนับเวลาการทำงานจริงๆคงเรียกได้ว่าไม่กี่เดือน ก็ด้วยแรงศรัทธาของญาติโยมและ นรธ. ที่ต่างเข้ามาช่วยกันร่วมสร้างบุญบารมีกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์

ในช่วงแรกได้มีการเปิดใช้บัญชีร่วม 3 ท่านเพื่อความโปร่งใสในการทำงานและเบิกจ่าย แต่เนื่องด้วยมีญาติโยมที่ประสงค์จะสร้างแบบเจาะจงเลยก็มี เช่น สร้างศาลา สร้างกุฏิ เป็นต้น แต่ความเป็นจริงนั้นมันสร้างไม่ได้ทันที เพราะปัจจัยยังไม่พอสร้าง ต้องใช้เวลารวบรวมปัจจัยให้เพียงพอเสียก่อน ท่านจึงจะอนุญาตให้สร้างได้

และวิธีการบริจาคปัจจัยโดยระบุให้ท่านสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นการไม่เหมาะสม เพราะหากมองให้ละเอียด ก็เหมือนเป็นการใช้ท่านให้ทำตามที่เราแจ้งวัตถุประสงค์มา ถือว่าเป็นกรรมหนักที่ไปใช้พระสงฆ์ แม้เราจะไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นก็ตาม(ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็พึ่งจะรับรู้รับทราบและเข้าใจเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 55 นี้เอง)

และในบางครั้งบางกรณี เป็นการลำบากกับองค์ท่านมาก เช่น ปัจจัยกองกลางไม่มีพอจะจ่ายค่าน้ำมัน หรือค่าใช้จ่ายในวัดหรือเป็นคนละโครงการกัน องค์ท่านก็ต้องให้เบิกปัจจัยที่ไว้สร้างศาลาก่อน เมื่อมีเงินพอ ค่อยนำไปฝาก/ใช้คืน (แม้เราจะแจ้งว่าให้ท่านเรียกใช้ได้ แต่องค์ท่านก็ต้องระวังเพื่อไม่ให้เกิดกรรมต่อกัน)

ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดกรรมหนักไปมากกว่านี้ ผมจึงขออนุญาตองค์ท่านเปิดเผยหมายเลขบัญชีธนาคารในนามของลูกศิษย์ใกลชิดที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ได้ให้เปิดบัญชีเล่มนี้ เพื่อให้ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหรือญาติโยมที่ประสงค์จะร่วมทำบุญกับองค์ท่านตามแต่จะเรียกใช้ตามความเหมาะสม ซึ่งก็เป็นกิจการงานของวัดนั่นแหละครับ เพราะองค์ท่านเป็นประธานสงฆ์แห่งภูดานไห องค์ท่านจะพิจาณาเองว่า เรื่องไหนควรมาก่อนมาหลัง ยิ่งที่ผ่านมาโครงการแต่ละโครงการทำงานแบบควบคู่กันฝุ่นตลบ เบิกจ่ายแทบไม่ทัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดกรรมในการใช้พระสงฆ์ แนะนำให้ใช้คำว่า...
1. ขอบริจาคปัจจัยร่วมสร้าง...(หรือ)
2. ขอบริจาคปัจจัยน้อมถวายฯ ร่วมสร้างในทุกๆโครงการของวัดภูดานไห (หรือ)
3. ขอบริจาคปัจจัยน้อมถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ตามแต่จะเรียกใช้
::: บัญชีร่วมทำบุญพุทธสถานภูดานไห :::

การร่วมทำบุญกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ในการสร้างพุทธสถานภูดานไห และงานบุญต่างๆตามความประสงค์ขององค์ท่าน
กรุณาโอนปัจจัยร่วมทำบุญมาที่:

ชื่อบัญชี : 
เลขที่บัญชี: 
ธนาคาร : 
ประเภทบัญชี : 

ข้อมูลติดต่อ:


1. พุทธสถานภูดานไห โทร. 

: แผนที่ไปภูดานไห : แผนที่ไปภูดานไห : แผนที่ไปภูดานไห :


ระยะระหว่างทางที่จะเข้าไปวัดภูดานไห ต้องอาศัยการสังเกตให้ดี หากถึงที่ทำการ อบต.กุดหว้า แล้วก็ต้องชะลอรถกันแล้ว และฝากให้สังเกตเพิ่มเติมแบบละเอียดขึ้นอีกหน่อย คือ ถัดจาก อบต.กุดหว้า จะมี ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าไม้ และไม่ไกลกันก็จะมี ปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ ปั๊มนึง ต่อจากนั้นก็จะเป็น สวนยางพาราอยู่ประมาณ 2 สวน (ไม่นับสวนที่อยู่หลังปั๊มน้ำมัน) ตรงสวนสุดท้ายก่อนจะถึง บ้านหลังคาสีฟ้า(อาจจะสังเกตลำบากเพราะมีต้นไม้บัง) ต้องชะลอรถให้ช้าลงกว่าเดิม ถ้าเลยบ้านหลังคาสีฟ้าไปแล้ว จะเป็นทางโค้งผ่านทุ่งนาและขึ้นเนินเขา นั่นหมายความว่า เลยทางแยกเข้าวัดภูดานไหแล้วครับ

ปล.ใครที่ไม่เคยไปหรือไม่แน่ใจให้จอดรถแวะถามที่ อบต.กุดหว้าได้ครับ (รู้สึกว่าจะมีหน่วย อปพร. ประจำการอยู่เกือบตลอดเวลา ให้พี่ ๆ แถวนั้นนำทางไปจนถึงทางเข้าวัดได้)


กราบโมทนาสาธุในบุญกุศลร่วมสร้างทุกประการ
ขอให้ท่านมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรม จนถึงที่สุดแห่งความพ้นทุกข์ ทุกท่านเทอญฯ

IT Man
04.04.55

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

06: ยิ่งรู้...ยิ่งเงียบ



พูดมาก เสียมาก
พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์


พ่อแม่ครูอาจารย์...ชอบพูดถึงเรื่อง...

มีคนเห็นสมเด็จหลวงพ่อทวดกับสามเณรน้อย เดินหายเข้าไปในกุฏิแล้วไม่ออกมาอีกเลย
เป็นนัยสำคัญหนึ่งที่ชวนคิดตาม...