วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

24: โปรด นรธ.สมบัติ ณ.แม่สอด

สถานที่: บ้านศรีสมบัติอรุณ
วัน/เวลา: 11-12-13-14 พ.ย. 2554
กำหนดการ:
- แม่สอด : 11-14 พ.ย.'54
- แม่สะเรียง,ถ้ำแก้วโกมล : 14 พ.ย.'54
- ดอยแม่อูคอ,แม่ฮ่องสอน : 15 พ.ย.'54
- กระเหรียงคอยาว,ถ้ำปลา,ปางมะผ้า : 16 พ.ย.'54
- ปาย,พระพุทธบาทสี่รอย,ดอยสุเทพ : 17 พ.ย.'54
- เดินทางกลับ : 18 พ.ย.'54

Link ที่เกี่ยวข้อง:
17: เจริญธรรมสัญจรสู่ นรธ.ครั้งที่ 1 [15-24 ต.ค.'54]
18: โปรด นรธ.สมาชิกธรรม
19: โปรด นรธ.สันติ
20: โปรด นรธ.ดร.นนต์
21: ธรรมะเก็บตก
23: ธรรมะสัญจรสู่ นรธ.ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ [11-17 ธ.ค.'54]
24: โปรด นรธ.สมบัติอรุณ

เมื่อ : 21-11-2011, 04:34 PM
 


บ้านสุขสมบัติ: 14 พ.ย.'54:08:45 น.

สถานที่: บ้านพัก (home stay ใหม่) คุณศรีไพร-คุณธวัช เจ้าของสวนอาหารศรีไพร เมืองแม่ฮ่องสอน
วัน-เวลา: อังคารที่ 15 พ.ย. 2554 ประมาณ 21:10 น.
โดย: IT Man

กราบ กราบ กราบ

ขอกราบนอบน้อมบูชาพระคุณแห่งพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ที่นำพาหมู่คณะธรรมสัญจรครั้งที่ 2 มาโปรดกระผมถึงที่เคหะสถานที่อาศัย และยังเมตตาให้โอกาสกระผมเดินทางร่วมจาริกแสวงบุญ เรียนรู้ซึ่งสภาวะธรรมจริงแท้ภาคสนาม ได้ร่วมถวายการปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ครูอาจารย์อย่างใกล้ชิด สั่งสมซึ่งบุญบารมีร่วมกับหมู่คณะ ประดุจดั่งเคยกระทำร่วมกันมาทุกภพชาติ...ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหน่ายแต่ประการใด

กระผมขอโมทนาสาธุกับเหล่านักรบธรรมและญาติธรรมทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมในการธรรมสัญจร อิสานสู่เหนือ ในครานี้ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีทุกประการฯ

ปล:
ธรรมสัญจรครานี้ เริ่มจากคุณแม่ชมได้พูดเปรยๆกับผมเมื่อขากลับจากธรรมสัญจรครั้งที่ 1 ว่า "ลูกเอ๊ย การจะสร้างพระเจดีย์อันยิ่งใหญ่ จักต้องสร้างรากฐานที่หนักแน่นมั่นคงไว้โดยรอบก่อน สุดท้ายก็จักไปรวบยอดสร้างยอดของพระเจดีย์ที่ทางเหนือสุดนู่นแหละลูก" ซึ่งในวันนั้นพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ได้เฉลยให้ผมฟังว่าจักเป็นไปตามนั้นจริง (พูดที่บ้านดร.นนต์ ประมาณตีสองครึ่งตอนที่ผมขึ้นไปลากลับบ้าน ซึ่งความจริงก็ได้ประจักษ์แล้ว)

จากนั้นมา ผมก็เฝ้าแต่ภาวนารอว่าท่านจะมาโปรดผม (คงราวปีหน้า) ขณะทำความสะอาดห้องพระก็นึกถึงคำพูดของท่านทั้งสอง ขณะนอนเล่นตรงสนามหญ้าข้างบ้านก็นึกถึงครูชาติและคณะว่า...คงเหมาะแก่การกางเต๊น...ก็ไม่คิดว่าความคิดจะดังไปไกลถึงภูดานไหนหนอ

ในที่สุดก็สบจังหวะกับอู๊ด(นรธ.คนใหม่เจ้าของรถตู้ หนีน้ำท่วมกลับมาบ้านพร้อมภรรยา)ได้เข้ามาหาพ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมอาสาพาไปทุกที่ โดยจะขอเป็นรถและพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นน้ำมัน ก็พอดีกับเงินทำบุญธรรมสัญจรครั้งที่ 1 ยังคงเหลือประมาณสองหมื่นกว่าบาท...จึงเป็นจุดกำเนิดในการธรรมสัญจรสู่ภาคเหนือนี้แลฯ

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

23: ธรรมะสัญจรสู่นรธ.ครั้งที่ 2 สู่ภาคเหนือ


ภูดานไห-แม่สอด-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่
ระหว่างวันที่ 11-17 พ.ย. 2554
นับเป็นมหาบุญกุศลของผมเป็นอย่างยิ่ง ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจักพาคณะญาติธรรม(มีผู้อาสา)มาโปรดผมที่แม่สอด จากนั้นก็จักเดินทางขึ้นเหนือไปโปรดทางแม่ฮ่องสอน,เชียงใหม่ ฯลฯ จึงค่อยกลับมาภูดานไห เพื่อวางแผนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมต่อไป
นับเป็นความกรุณาต่อกระผมยิ่งนักครับ
กำหนดการคร่าวๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมดังนี้
11 พ.ย.'54: [ภูดานไห-แม่สอด]
12 พ.ย.'54: [ที่แม่สอด]
- ศึกษาศิลปะเพื่อเป็นแบบก่อสร้างศาลา ณ.วัดโพธิคุณ
- ไปสักการะ เยี่ยมชมวัดถ้ำอินทนิล (หลวงปู่เจี๊ยะ,หลวงตามหาบัว)

- ชมของดีริมเมย
- ฟังธรรมสนทนาธรรม
13 พ.ย.'54: [ที่แม่สอด]
- ชมตลาดอัญมณี
- ฟังธรรมสนทนาธรรม14 พ.ย.'54: [แม่สอด-แม่สะเรียง-แม่ลาน้อย]

- เดินทางไปแม่สะเรียง
- ฉันภัตตาหารเช้าที่ท่าสองยาง
- นอนก่อนถึงถ้ำแก้วโกมล แม่ลาน้อย
15 พ.ย.'54: [แม่ลาน้อย-ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน]
- ชม-ภาวนาถ้ำแก้วโกมล
- ฉันภัตตาหารเช้าที่แม่ลาน้อย
- ชมทุ่งบัวตอง ขุนยวม
- นอนแม่ฮ่องสอนและแสดงธรรมโปรด
16 พ.ย.'54: [แม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า]
- ฉันภัตตาหารเช้าที่แม่ฮ่องสอนและแสดงธรรมโปรด
- เยือนกระเหรียงคอยาว,ชมถ้ำปลา ฯลฯ
- นอนที่ปางมะผ้า

17 พ.ย.'54: [ปางมะผ้า-ปาย-เชียงใหม่]
- ฉันภัตตาหารเช้าที่ปาย
- สักการะพระพุทธบาท 4 รอย อ.แม่ริม
- สักการะพระธาตุดอยสุเทพ- นอนที่อท.ดอยสุเทพ
18 พ.ย.'54: [เชียงใหม่-ลำปาง-ภูดานไห]
- เทศนาโปรดและขอขมาฯ
- ฉันภัตตาหารที่ลำปาง
[ร่วมทำบุญธรรมะสัญจรครั้งที่ 2:สายเหนือ]
Link ที่เกี่ยวข้อง:
17: เจริญธรรมสัญจรสู่ นรธ. ครั้งที่ 1 [15-24 ต.ค.'54]

18: โปรด นรธ.สมาชิกธรรม
19: โปรด นรธ.สันติ
20: โปรด นรธ.ดร.นนต์
21: ธรรมะเก็บตก
23: ธรรมะสัญจรสู่ นรธ.ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ [11-17 ธ.ค.'54]
24: โปรด นรธ.สมบัติอรุณ
[ติดตามรายละเอียดธรรมะสัญจรครั้งที่ 2 ต่อใน blog ของท่านนนต์ที่นี่ครับ]
โมทนาสาธุทุกประการครับ
ยินดีต้อนรับญาติธรรมทุกท่านครับ
........................................................................
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 103_0376.JPG
Views: 13
Size: 975.0 KB
ID: 1750638
นรธ.ภูเบศว์: สวัสดีครับ เพื่อนนักรบธรรม
ช่วงนี้ผมมาอยู่ที่พิษณุโลก ประมาณวันจันทร์จะเดินทางไปที่ดอยหลวงเชียงดาว ช่วงอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (หมู่บ้านถ้ำ ใกล้ถ้ำผาปล่อง)ที่ซึ่งผมรู้สึกผูกพัน ดูบรรยากาศในรูปดูนะครับ
........................................................................
นรธ.สมบัติ:
สวยมากๆครับ
ธรรมะสัญจรครานี้ พี่ท่านหนึ่งที่อยู่เชียงใหม่แนะนำว่า...อุตส่าห์เดินทางไปถึงพระพุทธบาทสี่รอย (แม่ริม) ในเส้นทางเดียวกันนี้อีกราวๆ 3 ชม. ก็น่าจะเดินทางต่อไปยังดอยอ่างขาง (ฝาง) ซึ่งมีโครงการเกษตรหลวง และสามารถไปพักแรมที่สวนทิพย์โลกอุดร ที่ครูบาอาจารย์ของผมท่านหนึ่งพำนักอยู่ที่นั่น(คณะศิษย์สายวังหน้าเคยไปบวชศึกษาธรรมะกันที่นั่นทุกๆปีด้วย)...ก็เป็นความปราถนาที่อยากไปที่นั่นสักครั้งในชีวิตครับ
........................................................................
นรธ. ภูเบศว์: 
ดอยหลวงเชียงดาว ดินแดนที่มีตำนานว่า พระศรีอาริยะเมตไตรย จะมาปรากฏ ณ ดินแดนแห่งนี้ เรื่องราวตำนานมีหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งหน้าปกเป็นรูปองค์พระประธาน วัดหน้าพระเมรุ (พระสมัยอยุธยาทรงเครื่อง แบบจักรพรรดิ)เหมือนรูปที่ผมใช้เป็นรูป log in รวบรวมตำนานอันเกี่ยวกับองค์พระศรีอาริยะเมตไตรยไว้มากมาย เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกที่หนึ่ง
แต่ช่วงที่ผมบวชศึกษาธรรมอยู่กับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์(หลวงปู่สิม) ที่ถ้ำผาปล่อง ไม่ได้ยินว่าท่านกล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้ มีแต่ท่านได้กล่าวถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าที่พระองค์ได้เคยมาประทับที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนดอยหลวงเชียงดาว เป็นถ้ำที่อยู่บนหน้าผาสูงชัน มีครั้งหนึ่งที่หลวงปู่ตื้อท่านปรารถนาจะขึ้นไปยังถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่สิมเล่าว่า ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่กลัวอะไรของหลวงปู่ตื้อ ท่านปีนหน้าผาไป ยังไม่ทันได้ถึงถ้ำแห่งนั้นก็ต้องพักจำวัดช่วงหน้าผาสูงชัน หลวงปู่ตื้อต้องมัดตัวเองกับต้นไม้เพื่อพักผ่อนจำวัด แล้วจึงปีนต่อไปจนถึงจุดหมาย นั้นคือความมุ่งมั่น กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ของพ่อแม่ครูอาจารย์ในยุคก่อนๆ หลวงปู่สิมท่านชื่นชม ยกย่องหลวงปู่ตื้อมาก ซึ่งท่านมักเล่าเรื่องราวของหลวงปู่ตื้อให้พระเณรได้ฟังอยู่บ่อยๆ
ขอน้อมกราบบูชาองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆองค์ กราบ กราบ กราบ
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: DSCN4228.JPG
Views: 5
Size: 697.1 KB
ID: 1750800 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: DSCN4245.JPG
Views: 5
Size: 711.1 KB
ID: 1750801 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: DSCN4282.JPG
Views: 5
Size: 687.3 KB
ID: 1750802
นรธ. ภูเบศว์: 
16 พ.ย.'54: [เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง]
- สักการะพระพุทธบาท 4 รอย อ.แม่ริม
- พระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้
- พระธาตุลำปางหลวง
- นอนลำปาง
(จากโปรแกรมข้างต้น หากขยายเวลาออกไป จากพระพุทธบาท4รอยที่แม่ริม เดินทางต่อไปทางเชียงดาว-ฝาง สามารถแวะชมถ้ำเชียงดาว ช่วงอ.เชียงดาวแยกเข้าไปประมาณ7-10ก.ม. หรือเลยถ้ำเชียงดาวไปอีก1-2ก.ม.แวะกราบพระอัฐิธาตุองค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่อง(แต่ต้องเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้น) จากนั้นเลยต่อไปฝาง ที่จะมุ่งสู่ดอยอ่างขางได้ครับ และคงต้องแวะนอนสวนทิพย์โลกอุดรนั่นแหละครับ)

ถ้ำผาปล่องเป็นถ้ำหินปูน ลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่พิงกันเป็นช่องเหมือนถ้ำ โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ช่วงผมบวชเป็นช่วงทำพื้นถ้ำ จากซีเมนต์ มาเป็นพื้นหินอ่อน เลยได้มีส่วนร่วมในการทุบ ขนย้ายพื้นเก่า และได้แบกหินอ่อน หิน ปูน ทราย จากตีนเขาขึ้นมาบนถ้ำ อย่างกับพระเสี้ยวลิ้มยังไงยังงั้น หลวงปู่สิมท่านคอยให้กำลังใจ ถามเสมอว่าเป็นไงหลวงพี่ยังไหวไหม ก็เป็นอุบายธรรมหนึ่งของพ่อแม่ครูอาจารย์ในการฝึกฝนลูกศิษย์

หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า ที่ถ้ำผาปล่องแห่งนี้ ในอดีตมีพระอริยเจ้าหลายองค์ ได้เคยมาปฏิบัติที่นี่ และที่นี่เป็นภูมิที่มีเทวดานางฟ้าสถิตย์อยู่มาก หลวงพี่หลวงเณรอย่าเกียจคร้านในการภาวนาเพราะท่านเหล่านั้นเฝ้าดูอยู่ และมักทดสอบจิตพระเณรเสมอ ผมเคยโดนอยู่เหมือนกัน ไว้เล่าให้ฟังในโอกาสหน้าครับ
........................................................................
นรธ.สมบัติ:
ขอบพระคุณครับ...คิดว่าน่าจะออกมาในรูปนี้ครับผม
เพราะผมวางโปรแกรมเอง แล้วจักปรับปรุงนำถวายในวันที่พ่อแม่ครูอาจารย์มาถึงครับ

........................................................................
พระอาทิตย์ยามเช้าที่บ้าน ถ่ายไว้เมื่อหลายวันก่อน เวลา 06:45)

พระอาทิตย์ยามเช้าที่บ้าน (ถ่ายไว้เมื่อสองวันต่อมา เวลา 07:55)
........................................................................
นรธ.สันติ:
สวัสดีครับพี่สมบัติ ก่อนอื่นต้องขอประทานโทษอย่างสูงครับ ที่ผมรับปากว่าจะเดินทางไปแม่สอดในวาระธรรมะสัญจร ครั้งที่ 2 นั้นผมคงไม่อาจไปได้ครับ เพราะช่วงนี้สุขภาพของพ่อผม ท่านไม่ค่อยดีครับ ทำให้ทิ้งงานสวนที่กำลังค่อนข้างยุ่งไม่ได้ จึงด้องโพสมาบอกก่อนครับ
เสียดายโอกาสที่จะได้กราบและฟังธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่แม่สอดมากๆๆๆๆๆครับ

........................................................................
นรธ.คงภัค:
ผมกราบขอบารมีองค์พระเบื้องบนทุกพระองค์ ได้โปรดเมตตาสงเคราะห์อำนวยพรให้สุขภาพของบิดาคุณสันติได้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติโดยเร็วพลันด้วยเทอญ.....
........................................................................
นรธ.สมบัติ:
โอ...น่าเสียดาย
ผมขอพระบรมพุทธานุญาตแผ่พระบารมีฯเมตตาสงเคราะห์ ให้คุณพ่อจงหายป่วย มีสุขภาพแข็งแรงดีเร็ววันนะครับ

........................................................................
นรธ.พิเชฐ:
สวยงามมากครับ.....เป็นโปรแกรมที่ใช่เลยและเคยตั้งใจไว้ในแนวนี้(เส้นทางธรรมะสัญจรครั้งที่2) แต่บังเอิญโปรแกรมนี้มาเร็วก่อนกำหนดตั้งตัวไมทันจริงๆน่าเสียดายมากครับกับโอกาสดีๆเช่นนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ถึงมีโอกาสหน้าก็ต้องต่างสถานที่ ต่างธรรมชาติ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับท่านสมบัติล่วงหน้าด้วยนะครับ

ส่งภาพงามๆมายั่วกันเล่น.....ตัวจริงไปไม่ได้แต่ตัวแทนไปได้นะจะบอกให้ มองๆไว้แล้วที่ห้องพระนั่นแหล่ะอย่าตกใจหล่ะ.....ภาครับสุดยอดอยู่แล้ว.....

........................................................................
นรธ.สมบัติ:
ไม่เป็นไรครับ จะพยายาม upload ภาพบรรยาการศและเสียงธรรมขึ้นให้ฟังเนืองๆครับ ...

ไว้จะตั้งตารอนะครับ หุหุ ระหว่างนี้จนจบงาน ผมคงลงมานอนใต้ถุนบ้านหรือกางเต๊นที่สนามรอบๆบ้านครับ ส่วนชั้นบนและห้องพระนั้นเมื่อทำความสะอาด เตรียมพร้อมดีแล้วก็จักรอน้อมถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ต่อไป

........................................................................
นรธ.มานพ:
สวัสดีครับ
ผมก็อยากร่วมเดินทางครั้งที่สองนี้ด้วยเหมือนกันครับตอนนี้ลุ้นอยู่ว่าสัปดาห์หน้าจะได้หยุดไหม...ถ้าได้หยุดผมไปแน่นอน สาธุ...ขอให้ได้ไปร่วมบุญด้วยทีเถิด...

ขอให้พี่ๆทุกๆท่านมีกำลังใจที่กล้าแข็งเพื่อเดินทางสู่การชำระอาสวะให้สิ้นไปครับ
มานพ

........................................................................
พี่มูริญโญ่:
ขออาราธนาสิ่งศักสิทธิ์แผ่บารมีปกป้องรักษาสุขภาพคุณพ่อคุณสันติให้หายและแข็งแรงโดยเร็ว......... สาธุ
........................................................................
นรธ.พิเชฐ:
เป็นที่น่าเสียดาย แต่การดูแลบิดามีความสำคัญมากกว่า ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อำนาจของคุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ รวมทั้งคุณงามความดีที่คุณสันติได้สั่งสมมาทั้งในอดีตก็ดีปัจจุบันนี้ก็ได้ จงเป็นพละปัจจัยส่งให้คุณพ่อของคุณสันติมีสุขภาพที่แข็งแรงโดยเร็ว...ด้วยเทอญ...สาธุ
........................................................................
นรธ.ร่วมชาติ:
ดูจากภาพแล้วบรรยากาศดีนะ หลายๆ คนก็คงอยากไปเช่นกัน หากผมมีวาสนาไม่มีอุปสรรคมาขัดขวางคิดว่าคงจะได้ร่วมเดินทางไปธรรมสัญจร ครั้งที่ 2 อย่างแน่นอนอยากให้ท่านสมบัติช่วยแจงสภาพอากาศหน่อย เพราะจะได้จัดกระเป๋าเดินทางถูก...แล้วเจอกันที่แม่สอด...
........................................................................
นรธ.สมบัติ:
อุณหภูมิ...
- ถ้าที่แม่สอดเวลาราวๆ 2 ทุ่มก็ประมาณ 20-22 องศา ตอนกลางคืนก็ลดลงนิดหน่อย
- ถ้าตอนกลางวันก็ราวๆ 28-32 องศา
- ส่วนที่แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ก็น่าจะลดลงประมาณ 1-2 องศาครับ

........................................................................
นรธ.ภูเบศว์:
ขอความรัก ความเมตตาและความดีของพ่อที่มีต่อลูก
ความกตัญญู และการดำเนินอยู่ในทางแห่งความดีของลูก
อานิสงค์ความดีและความประเสริฐเหล่านั้น ได้ส่งผลให้คุณพ่อคุณสันติสุขภาพแข็งแรง ดีขึ้นนะครับ

........................................................................
นรธ.สันติ:
ขอกราบขอบคุณแทนคุณพ่อของผมด้วยครับ คือคุณพ่อของผมท่านยกของแล้วเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ท่านอายุ 76 ปีแล้วถึงจะไม่เป็นอะไรมากนัก แต่ก็ต้องคอยระวังเฝ้าดูไม่ให้ท่านทำอะไรอีก ปกติท่านจะไม่ค่อยอยู่นิ่งทำโน่นทำนี่ตลอด ต้องคอยห้ามครับ
ขอขอบคุณคำอวยพรของ พี่อ๊อด พี่สมบัติ ครูชาติ คุณมูรินโญ่ คุณภูเบศวร์และท่านอื่นๆที่เป็นห่วงครับ

........................................................................
นรธ.ภูเบศว์:
เห็นภาพแล้วได้บรรยกาศหน้าหนาว และน่ากางเต้นท์อย่างท่านสมบัติว่านะครับ
........................................................................
นรธ.Indhus:
เสียดายโอกาสในการร่วมธรรมสัญจรทั้งครั้งแรกและครั้งที่สอง แต่หากที่ทำงานไม่มีกำหนดการอะไรเปลี่ยนแปลงคิดว่าน่าจะได้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมช่วงปีใหม่ที่วัดภูดานไหครับ
........................................................................
นรธ.ดร.นนต์:
ความเจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่การดูแลรักษาพ่อแม่นั้นไม่ธรรมดา บุตรผู้มีความกตัญญูต่อบิดามารดาผู้เป็นพระอรหันต์นั้นย่อมได้รับการสรรเสริญ ขอบุญที่ท่านสันติและคุณมลได้กระทำมาแล้วทั้งหมด จงย้อนกลับไปคุ้มครองคุณพ่อของคุณสันติให้หายจากอาการเจ็บป่วยโดยไวเทอญ
ดร.นนต์
9 พย. 2554

........................................................................
นรธ.ดร.นนต์:
โปรแกรมธรรมะสัญจรครั้งที่สอง ผมกำลังลางานยาวถึง 20 พย. หากได้รับอนุญาต ผมคงได้ร่วมเดินทางตลอดเส้นทาง แต่หากไม่ได้รับอนุญาต คงจะไปได้แค่แม่สอด เดินทางในวันศุกร์ที่ 11 พย. และกลับ 13 พย. ก็รอลุ้นอยู่ครับ คงได้เจอกันแน่อย่างน้อยก็ที่แม่สอดครับท่านสมบัติ
........................................................................
นรธ.สมบัติ: 
ขอให้ผ่านการลางานได้นะครับ
เพราะได้สำรองที่นั่งไว้ให้ท่านอีก 1 ที่ รวมเป็น 8 ที่นั่ง(เต็ม)พอดีนะครับ หึหึ

........................................................................
นรธ.สันติ:
ขออนุโมทนาบุญทุกประการ กับพี่สมบัติด้วยครับที่พ่อแม่ครูอาจารย์ ได้ไปโปรดที่บ้านที่แม่สอด โบราณกล่าวว่าที่ใดหนใดที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตเจ้า ได้ไปโปรดที่แห่งนั้นจะมีแต่ความเจริญ ความร่มเย็น ความเป็นมงคล

พี่จะรับรู้ได้ด้วยตนเอง ว่าวันเวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเช้า เดี๋ยวเย็น อ้าว...หมดวันแล้ว อ้าว...ผ่านไป 1 วัน 2 วัน 3 วัน....จนกระทั่งถึงวันที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจะเดินทางกลับ ใจเราจะเบา ใจเราจะเย็น ใจเราจะสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่บางทีเราก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ ว่าทำไม มันถึงเป็นอย่างนั้น ประสบการณ์อย่างนี้ มันจะมีค่ากับชีวิตของเรามาก มันจะเป็นสิ่งที่เราคงต้องจดจำเอาไว้ ในหัวใจตลอดชีวิตครับ

พี่พิเชฐเคยแนะนำว่า ควรหาเครื่องบันทึกเสียง แล้วขออนุญาติพ่อแม่ครูอาจารย์ท่าน บันทึกคำสอนของท่านเอาไว้เพื่อศึกษา ซึ่งมีค่ามากเพราะเราคงจำได้ไม่หมดแน่ แต่ผมก็ลืมสุดท้ายได้แต่จำไว้ในใจ น่าเสียดายโดยแท้ ทุกวันนี้ก็พยายามนึกถึงคำสอนของท่านอยู่ตลอด ว่าหลังจากนั่งสมาธิจนจิตอิ่มตัวแล้ว จิตมันจะค่อยๆถอน จนมาถึงจุดหนึ่ง (ซึ่งในหนังสือของ หลวงพ่อทูล ท่านบอกว่า การปฏิบัติต้องเริ่มต้นจากการทำสมาธิ ให้มีความสงบไปก่อน เมื่อจิตมีความสงบแล้ว จะถอนตัวออกมาอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ แล้วน้อมไปสู่ปัญญา พิจารณาในสัจจธรรมตามความเป็นจริง) ให้เริ่มใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในแต่ละวัน ที่เข้ามากระทบใจของเรา และก็พยายามทำบ่อยๆ ทำให้ชำนาญ เพื่อที่จะเข้าใจคำสอนของท่านยิ่งๆขึ้นไป

มีอยู่คืนนึงผมนั่งสมาธิที่หลังบ้าน (ปกติจะนั่งที่ห้องพระ) ขณะที่จิตกำลังรวมอยู่นั้น รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ทำให้ขนหัวลุกซู่ และเย็นวาบไปทั้งร่างกาย ความรู้สึกอย่างนี้ผมเคยกราบเรียนถามพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่าเป็นเพราะเหตุไร ท่านบอกว่า ผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้ทำความดีมีบุญ พวกเหล่ากายทิพย์ พวกวิญญาณต่างๆเขาจะรับรู้ และเห็นแสงในตัวของผู้นั้นทีจะสามารถขอส่วนบุญได้ ท่านแนะนำให้ทำสมาธิต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากสมาธิ แล้วค่อยแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เขาเหล่านั้น ซึ่งมีเทวดาด้วยไม่ใช่จะมีเฉพาะวิญญาณ เจ้าที่เจ้าทาง ฯลฯ อย่างเดียว

เรื่องเหล่านี้ผมเล่าจากประสบการณ์ของผม ให้เหล่าพี่น้อง นรธ.ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เป็นกำลังใจ ในการปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ส่วนท่านอื่นที่ผ่านเข้ามาอ่าน ถ้าเชื่อและได้รับประโยชน์ผมก็ขออนุโมทนาด้วย แต่ถ้าไม่เชื่อก็อย่าได้ปรามาสกันนะครับ
( เพราะผมยกพ่อแม่ครูอาจารย์ของผมไว้เหนือหัวครับ ท่านสั่งสอนธรรมใดผมเชื่อและปฏิบัติตามสุดกายสุดใจ ครับ)

........................................................................
นรธ.ร่วมชาติ:
ขออนุโมทนาในกับคุณสันติด้วย...ขอให้มีความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เสียดายที่คุณสันติไม่สามารถร่วมเดินทางไปด้วยได้... และฝากบอกท่านสมบัติด้วยว่าควรหาเครื่องบันทึกเสียงไว้ เพราะธรรมะที่พ่อแม่ครูอาจารย์สั่งสอนจะมาจิตของผู้นั้นในขณะนั้นเกิดขึ้นแบบปัจจุบัน หากเรามีการบันทึกไว้แล้วนำมาฟังภายหลังพิจารณาไปด้วยนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น...ขอให้เจริญในธรรม....
........................................................................
นรธ.สมบัติ:
โมทนาสาธุในผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้ทำความดีมีบุญและพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
ขอยอยกไว้เหนือเศียรเกล้าน้อมนำมาปฏิบัติเช่นกัน

ในเรื่องความพร้อมนั้น ผมจัดเตรียมชุดลำโพงแบบหิ้วไปมาได้พร้อมไมค์ลอย 2 ชุด (กรณีมีถามตอบ) เพื่อความสะดวกของพ่อแม่ครูอาจารย์จักได้ไม่ต้องใช้เสียงหรือกำลังมาก ทั้งความชัดเจนของเหล่าญาติธรรม จักได้รับฟังธรรมเต็มๆ

ระหว่างนี้กำลังคัดเลือกเครื่องบันทึกเสียงอยู่ครับว่าจะเอาแบบไหนดี
- จะเอาแบบทนทาน คุณภาพดี ดึง file ลำบาก แถมราคาแพง
- หรือจะเอาแบบราคาถูก แถมคุณภาพก็ถูกตาม แต่หาแบตฯง่ายดี หุหุ
- ความพร้อมเรื่องสถานที่ ตอนนี้ก็เกือบ 100% แล้ว
- อาหารก็คิดว่าจะจัดหาแบบง่ายๆแนวๆพื้นเมือง
- ตอนเย็นจะเป็นเรื่องของผลไม้ ขนมปัง ชา กาแฟไป
- ความพร้อมของคนคือผมนั่นก็เหนื่อยกายหน่อย แต่ใจนั้นไม่
สำหรับในเช้าวันที่ 14 ที่จะเดินทางไปแม่สะเรียง มีพี่ๆน้องๆของผม (เพื่อนพนักงานอีก office) ก็จะจัดภัตตาหารเช้าไว้รอ ตอนนี้กำลังหาสถานที่อยู่ครับ

........................................................................
นรธ.ดร.นนต์:
ขออนุโมทนากับท่านสันติด้วยทุกประการครับ
ท่านสันติเป็นผู้ที่มีแต่ความนุ่มเย็น เป็นผู้ที่มีความศรัทธาและใฝ่ปฏิบัติธรรมอย่างที่สุด สภาวะของธรรมชาติ บ้านสวนสันติธรรมอันร่มรื่นและสันโดษ มีภรรยาคู่ชีวิต(คุณมล)เป็นผู้สนับสนุนและปฏิบัติธรรมเคียงคู่กันมาโดยตลอด กอปรกับท่านทั้งสองเป็นผู้ที่มีความนอบน้อมถ่อมตน มีแต่ความเมตตาเอื้ออารีต่อผู้อื่น ขยันหมั่นเพียร และอยู่อย่างสมถะ และที่สำคัญ เมื่อท่านทั้งสองได้พบกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่แท้จริง และกัลยาณมิตรที่ดีแล้ว จึงทำให้การปฏิบัติธรรมของท่านทั้งสองเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
พวกเราเหล่านักรบธรรม จึงมีแต่ความปีติและขออนุโมทนา และจะขอร่วมเดินทางธรรมไปด้วยกันจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งชีวิต
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
9 พฤศจิกายน 2554

........................................................................
นรธ.คงภัค:
สาธุ สาธุ สาธุ กับท่านสันติด้วยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของท่านบรรลุธรรมโดยเร็วพลันด้วยเทอญ
........................................................................
นรธ.มานพ:
สวัสดีครับพี่สมบัติ
ตอนนี้ผมมีความหวังแล้ว 90%ว่าจะได้ไปร่วมด้วย
ถ้าได้ไปจริงๆ ผมคงจะได้มีส่วนช่วยเรื่องแรงกายอีกทางครับ
มานพ

........................................................................
นรธ.สมบัติ:
ยินดีครับผม
ขอให้อีก 10% ที่เหลือจงสำเร็จโดยเร็วนะครับ

........................................................................
นรธ.มานพ:
สวัสดีครับ
ผมจะเดินทางไปที่โคราชวันที่12 แล้วต่อไปที่บ้านพี่สมบัติ เพราะเห็นว่าวันนั้นพี่สมบัติขึ้นรถจากโคราชก็ไปได้ ก็เลยอยากถามพี่สมบัติว่าถ้าขึ้นจากโคราชจะไปลงจุดไหนได้บ้างครับ
มานพ

........................................................................
นรธ.สมบัติ:
แสดงว่ามาได้แล้ว แต่ชักเห็นใจคนเดินทางไกลจังครับ

- ถ้าไปโคราช ต้องต่อรถนครชัยทัวร์(รถวิ่งตี 3-2 ทุ่มครึ่ง)-พิษณุโลก ใช้เวลา 6 ชม.ครึ่ง จากนั้นต่อรถตู้มาลงแม่สอดใช้เวลา 5 ชม. (รถตู้หมดบ่ายโมง)
- รถตู้จากตาก-แม่สอดก็มี เที่ยวแรกประมาณตี 4
- หากสามารถเข้า กท. ได้ ก็มีรถ ป.2,999,VIP มาแม่สอด ซึ่งปกติวิ่ง 7-8 ชม แต่ตอนนี้ 13 ชม.ในราคาเดิม โดยเที่ยวแรก 8 โมงเช้า ส่วนเที่ยวดึกก็มี 2,3,4 ทุ่ม
- ท่านดร.นนต์ ใช้วิธีขึ้นรถจากโคราชในตอนเย็นวันที่ 11 (พรุ่งนี้) มาถึงพิษณุโลกประมาณเที่ยงคืนหรือตี 1 , จากนั้นรอขึ้นรถจากเพชรประเสริฐที่วิ่งจากมุกดาหาร-แม่สอด (ครูชาติก็นั่งคันเดียวกันนี้จากภูดานไห) ขึ้นรถ ตี.3 ถึงแม่สอด 7 โมงครึ่งของวันเสาร์ที่ 12 พ.ย.

........................................................................
นรธ.ร่วมชาติ:
ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับคุณเก๋ ด้วยที่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ หากดูเส้นทางที่คุณสมบัติอแนะนำแล้วผมว่า คุณเก๋ควรจะนั่งรถไปลงที่ กทม. แล้วต่อรถจาก กทม.-แม่สอดจะเหมาะกว่าเพราะหากนั่งรถมาลงโคราชแล้วต่อมาลงพิษณุโลกจากนั้นต่อมาลงที่ตาก แล้วค่อยไปลงแม่สอด ดูแล้วนั่งรถหลายต่อและเสียเวลามาก....
วันนี้ (11 พ.ย. 54) เวลา 05.00 น. พ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมด้วยผู้ติดตามอีกประมาณ 4 คน ได้ออกเดินทางไปธุดงค์ธรรมสัญจร ครั้งที่ 2 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เรียบร้อยแล้ว คาดว่าคงถึงท่านสมบัติเวลาประมาณ 18.00 น. ส่วนตัวผมก็คงเดินทางคืนนี้นั่งรถสายมุกดาหาร-แม่สอด ก็ขออนุโมทนากับญาติโยมทางแม่สอดด้วยนะครับ...

........................................................................
นรธ.สมบัติ:
เห็นด้วยครับ ตอนที่ผมลงไปเมืองจันทบุรีก็นั่งรถจากแม่สอด-กทม(หมอชิต2)จากนั้นนั่งรถตู้จากหมอชิต2 ไปเมืองจันทบุรี

โดยปกติมีรถมาแม่สอดเยอะมากเช่น
- รถทัวร์ VIP : แหลมงอบ-แม่สอด (ผ่านชลบุรี) โดยเพชรประเสริฐทัวร์
- รถตู้ : นครสวรรค์-แม่สอด โดยบ.เอกชน
- เครื่องบิน : ดอนเมือง-แม่สอด (เต็ม-ปลาย พ.ย) โดยนกแอร์และอื่นๆ
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ระหว่างน้ำท่วม เขาปิดบริการ ยังคงมีแต่รถของ บขส. ที่วิ่งไป-มา
(แต่ต้องโค้งไปไกล เพื่อเลี่ยงน้ำท่วม แนะนำให้ทานยาแก้เมาให้หลับไปเลย ตื่นมาจักได้ไม่เพลีย)
เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามปกติ ต้องของยกนิ้วให้ บขส. ขอให้ท่านได้บุญเยอะๆครับ

ปล:
- หากตีตั๋วไปกลับแม่สอด-กทม เขาจะลดราคาตั๋วให้อีก 10%
- ราคาตั๋ว VIP 24 ที่นั่งราคา 500 กว่า,ป.1 ราคา 300 กว่า,ป.2 ราคา 200 กว่าครับ

ขอให้มีความโชคดี สะดวกสบายในการเดินทางไม่ติดขัด ให้ถึงที่หมายคือนครแม่สอดตามใจปราถนาทุกประการครับ

........................................................................
นรธ.มานพ:
สวัสดีครับ
พรุ่งนี้ทำโอทีอีก 1 วัน คงเดินทางไปสมทบช้าครับจะไปต่อรถที่ กท.หมอชิต
ถ้าถึงหมอชิตแล้วคงจะได้รบกวนโทร.ไปสอบถามกับพี่สมบัติอีกครั้งครับ
มานพ

........................................................................
นรธ.ดร.นนต์:
ตกลงที่ทำงานของผมเขาอนุญาตให้ผมลาได้ยาวถึงวันที่ 18 ได้แถมเสาร์อาทิตย์ถึง 20 พย. รวมทั้งหมดก็ 9 วัน เมื่อฟ้าเปิดให้เช่นนี้ ผมจึงต้องร่วมเดินไปทุกหนแห่งกับพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ
คืนนี้ 11 พย. ผมออกเดินทางโดยรถ VIP ของนครชัยแอร์เที่ยว 1 ทุ่ม ถึงพิษณุโลกประมาณตี 1 อาจ late เล็กน้อยเพราะถนนวังทรายทองไม่ค่อยดี แต่จะทันรถคันที่ครูชาตินั่งมาจากกุฉินารายณ์(มุกดาหาร-แม่สอด)เที่ยวตี 3.15 พอดี และคงได้เจอกับครูชาติบนรถคันเดียวกันและจะถึงแม่สอดราวแปดโมงเช้าครับ

........................................................................
นรธ.สมบัติ:

อ้างอิง:
ยินดีด้วยนะครับ งานนี้ยาว 555 อาจจะทะลุถึงเชียงแสน(สามเหลี่ยมทองคำ)ก็ได้ครับ
เดินทางย้อนอดีต หรือผ่าอนาคตกันหนอ...?
........................................................................
นรธ.ร่วมชาติ:
ครับหากไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าคงได้พบกันนะครับ...ก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่ลาได้ตั้ง 9 วัน ส่วนผมแล้วการลาครั้งนี้ถือว่าเป็นการทดสอบบารมีโดยแท้เพราะโรงเรียนผมเพิ่งเปิดเทอมเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 54 และผมก็ได้ลารอบแรกระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. 54 และรอบนี้ลาอีกเป็นรอบที่สองระหว่างวันที่ 14-18 พ.ย. 54 สรุปแล้วลา 2 ครั้งติดๆ กันโดนหัวหน้าต่อว่าให้และเลยแต่ไม่เป็นอุปสรรค เพื่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่รอเราอยู่เรา ถือว่าเป็นบททดสอบเราต้องผ่านให้ได้...คืนนี้ผมเดินทางไปแน่นอนครับ....แล้วเจอกันที่แม่สอดครับ.....
........................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

22: รหัส พ. พาน ในพระพุทธปฐวีธาตุ



รหัส พ. พาน ในพระพุทธปฐวีธาตุ

พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้มีเมตตาสอนธรรม ให้ผู้ปรารถนาความเจริญงอกงาม คือเดินไปในทางที่ดีที่ถูกที่ต้องที่ควรที่ตรง จักต้องเวียนไปทางขวา (ลักษณะของพระพุทธเจ้า) โดยอาศัยกำลังหรือพลังคือพละ 5 เป็นตัวขับเคลื่อน โดยอาศัยมรรคมีองค์ 8 ก็จักถึงโลกุตรธรรม 9 จึงจักถึงความพ้นทุกข์(โดยมีพุทธะอยู่ในใจ) และประกอบด้วยพรหมวิหาร 4 เป็นเครื่องหนุน เครื่องอาศัย

.........................................................................
1. มีพละ(พลัง)ทั้ง 5 ประกอบด้วย
- ศรัทธา(เชื่อในคำสอนพระพุทธเจ้า)
- วิริยะ(ความเพียร)
- สติ(ในทางที่ชอบ)
- สมาธิ(ตั้งมั่นในทางที่ชอบ)
- ปัญญา(มีปัญญาในทางที่ชอบ)
เป็นเครื่องหนุนให้ตนเองพ้นทุกข์
2. โดยมีพรหม(ผู้เป็นใหญ่)วิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นที่อาศัย
3. และมีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ

4. จึงจักถึงที่สุดแห่งทุกข์คือความพ้นทุกข์

.........................................................................
- โลกุตรธรรม 9 คือธรรมเหนือโลก : มรรค 4 ผล 4 พระนิพพาน 1 (พระพุทธเจ้า)
- พระอริยบุคคล 8 หรือ 4 คู่ ผู้มีธรรมเหนือโลก : คือพ้นจากจากปุถุชนคนธรรมดาแล้ว
คู่ที่ 1 พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค....โสดาปัตติผล
คู่ที่ 2 พระผู้ตั้งในสกิทาคามิมรรค....สกิทาคามิผล
คู่ที่ 3 พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรค....อนาคามิผล
คู่ที่ 4 พระผู้ตั้งอยู่ในอรหันตมรรค....อรหันตผล

.........................................................................
- มรรคมีองค์ 8
มรรค คือ หนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ (เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ) และนับเป็นหลักธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยหนทาง 8 ประการด้วยกัน เรียกว่า "มรรคมีองค์แปด" หรือ "มรรคแปด" (อัฏฐังคิกมรรค) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง เห็นถูกตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
2.สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
3.สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดสนทนา แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
4.สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
5.สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน
6.สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
7.สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
8.สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ

อริยมรรคมีองค์แปด เป็นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) คือ ทางที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

มรรคมีองค์แปด สามารถจัดเป็นหมวดหมู่ได้เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา

.........................................................................
สิ่งหนึ่งที่ท่านเมตตาสอนไว้ที่สุรินทร์คือ...
เรื่องการรักษาศีล
- ความดีทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ยาก (กว่าจะเข้าวัด ฟังธรรม ยากลำบาก) แต่เสื่อมง่าย
- ความชั่วทั้งหลาย สร้างง่าย แต่เสื่อมยาก มักจะติดอยู่นั่นแหละ
- จึงต้องมีการรักษาศีลอย่างตั้งใจมั่นไม่หวั่นไหว
- ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ เรามักจะทุกข์ มักจะห่วงคนรอบข้าง สมบัติเสมอๆ
- ยิ่งเวลาจะตาย จิตมันจะห่วงมากๆ จึงต้องมีศีลที่ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวโดยง่าย

ความวิบัติมี 2
1. วิบัติในทรัพย์สินเงินทอง : เช่น กรณีน้ำท่วม เราไม่สามารถหามาคืนหรือช่วยเขาได้
2. วิบัติจากความดีความงาม : เขาวิบัติในสิ่งนี้ เขาจึงสร้างแต่ความชั่ว เขาจึงเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ต้องอาศัยอุเบกขาเข้ามาช่วย

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

21: ธรรมะเก็บตก

มานพ:26-10-2011, 08:59 PM:#5600
สวัสดีครับ
ถ้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆกับพ่อแม่ครูอาจารย์จะดีมากเลยครับ ธรรมที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านให้กับเรานั้นไม่ใช่เฉพาะตอนที่ท่านนั่งแสดงธรรมเพียงอย่างเดียวท่านให้ตลอดเวลาในทุกคำพูดในทุกการแสดงออกมาทางกายล้วน
มีเหตุมีผลและมีธรรม ผมจะยกตัวอย่างให้ได้อ่านกันสักเรื่องหนึ่ง

เมื่อตอนที่คณะเดินทางไปเขาเขียวได้ไปดูเสือโดยนั่งรถที่ทางสวนสัตว์จัดไว้ให้ผ่านไประยะหนึ่งรถจอดให้เข้าไปดูเสือพัก 15 นาที คณะก็เดินดูเสือไปเรื่อยๆจนก่อนจะไปดูเสือขาวพ่อแม่ครูอาจารย์ถามผมว่า

พ่อแม่ครูอาจารย์ ..."โยมเก๋เห็นเสือใหม่"
ผม... "เห็นครับ" (น้อมไปในธรรมที่ท่านแสดงมาเมื่อเช้า)
(ท่านใช้คำถามทั่วๆไปซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าทุกคนในคณะที่เดินทางไปนั้นได้เห็นเสือและได้ถ่ายภาพกันไว้แล้ว)
เมื่อเดินไปถึงที่พักเสือขาว
พ่อแม่ครูอาจารย์ ..."เสือมันไม่ตามใจเราเลย""เราอยากให้มันทำอะไรมันก็ไม่ยอมทำตาม"
(ผมได้น้อมไปในธรรมที่ท่านแสดงมาเมื่อเช้ายิ่งชัดเจนเลย)
พอตกเย็นมาพ่อแม่ครูอาจารย์ได้บอกกับผมว่า..."รู้แล้วใช่ไหม" (ผมอาจจะเอามาผูกเรื่องและคิดเอาเองครับ)

ธรรมที่ยกตัวอย่างมานั้นเปรียบเที่ยบกันธรรมที่ท่านแสดงเมื่อตอนเช้า
เสือก็เปรียบเหมือนขันธ์5นั่นเองซึ่งก็ทำตามหน้าที่ของขันธ์ตามปกติของมันไม่ได้ตามใจเรา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้นหากได้ใกล้ชิดพ่อแม่ครูอาจารย์มากกว่านี้จะสังเกตุได้ว่าท่านแสดงธรรมสั่งสอนเราไม่ได้เฉพาะตอนที่ท่านนั่งแสดงธรรมเท่านั้น
(ทำให้มีความรู้สึกอิจฉาเล็กๆให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ได้ฟังธรรมจากท่าน)

เล้าสู่กันฟังเป็นนิทานธรรมก็แล้วกันครับ
ขอให้เจริญในธรรม

.........................................................................................................
มานพ:

สวัสดีครับ 555 ยังมีอีกเรื่อง
ตอนเย็นที่บ้านท่านดร.นนต์คุณโกศลได้เรียนถามธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นคำถามเดียวกันกับที่ผมได้เรียนถามพ่อแม่ครูอาจารย์แล้วที่บ้านสวนสันติธรรมและพ่อแม่ครูอาจารย์ก็เมตตาแสดงธรรมให้ฟังเหมือนกันเลย
ทำให้เข้าใจได้ว่าการจะละกามารมณ์ทั้งหลายเป็นเรื่องยากจริงๆ
เมื่อนำมาพิจารณาแล้วทำให้เกิดคำถามที่ว่าถึงเป็นเรื่องยากอย่างไรก็ต้องมีวิธี
ตอนเช้าตอนเข้าไปกราบท่านพร้อมกับพี่สันติและท่านดร.นนต์ในห้องพระก็ตั้งใจว่าจะเรียนถามท่าน
แต่พอย้อนนึกไปถึงธรรมะสากลที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เมตตาแสดงเมื่อคืนก่อนนั้นทำให้ได้คำตอบทันที่หายสงสัยเลยธรรมะที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เมตตาแสดงออกมานั้นเป็นธรรมะสากลโดยแท้เลยไม่ได้ใช้แก้ปัญหาของพี่สาวคนนั้นเพียงอย่างเดียวแต่สามารถแก้ได้ทุกปัญหาในโลกเลยก็ว่าได้
"เมื่อพิจารณาให้เห็นโทษอยู่เสมอๆ...เราก็จะสามารถละออกได้เองโดยอัตโนมัติ"
นำมาพิจารณาแล้วทำให้หายสงสัยแต่เราจะสามารถทำใด้หรือไม่คงขึ้นอยู่กับกำลังใจที่เข้มแข็งและความพากเพียรเปรียบเสมือนดั่งปฐวีธาตุ
"จิตใจเข้มแข็งหนักแน่นดังหินและสว่างไสว"
ขอให้เจริญในธรรมครับ
มานพ
.........................................................................................................
ซึ้งบน:เมื่อวานนี้, 04:31 PM;#5606

พ่อแม่ครูอาจารย์ของข้าฯ ชื่อ พ.สุรเตโช ข้าฯขอตั้งจิตอธิษฐาน ไม่ว่าจะเกิดหรือดับอีกกี่ภพกี่ชาติ จะขอกราบเป็นศิษย์ของท่านและจักเดินตามรอยบาทของท่าน ทุกภพทุกชาติ ตราบจนกระทั่งถึงซึ่งความหลุดพ้นทั้งหลายทั้งปวงจากกิเลส เหตุแห่งทุกข์
ธรรมที่ท่านเมตตาสั่งสอน ให้แก่ลูกศิษย์ของท่านทุกคนคือการใช้ปัญญาเป็นหลัก เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะดับทุกข์ได้ ส่วนสมาธิเป็นเรื่องรองลงมา สมาธินั้นเปรียบเสมือนชานบ้าน เป็นเพียงที่พักกายพักใจเท่านั้นแต่ดับทุกข์ไม่ได้
ท่านพูดเสมอว่า นักมวยที่ซ้อมกระสอบทรายจนชำนาญ มันเป็นการชกฝ่ายเดียวยังไม่เจอของจริง เหมือนการนั่งหลับตาทำสมาธิ พอจิตสงบก็ลืมทุกข์แต่ไม่ใช่การดับทุกข์ พอออกจากสมาธิก็เกิดทุกข์ได้อีก ทุกข์แท้ๆจะดับได้ด้วยปัญญาเห็นจริงเท่านั้น
การแสดงธรรมของท่าน จะสั่งสอนศิษย์แต่ละคนตามวาระจิต ซึ่งมีความแตกต่างกันไปท่านไม่เคยเบื่อหน่ายในการสั่งสอนลูกศิษย์ของท่าน แม้ว่าจักต้องแสดงธรรมสักกี่ครั้งก็ตามท่านก็มีความเมตตาอยู่เสมอ อย่างตัวของผมท่านเมตตาสั่งสอนในการละจากอารมฌ์ต่างๆที่ได้เข้ามากระทบ ในชีวิตประจำวันว่าให้พิจารณาดูว่า เมื่อมีความโกรธ ความกังวล ความหงุดหงิด ฯลฯ เข้ามากระทบในใจของตัวเอง ก็ให้พิจารณาว่าอารมฌ์เหล่านั้นมันไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับ มันเป็นอนัตตา คือเราควบคุมไม่ได้ เราสั่งมันไม่ได้ ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันเปรียบเสมือนเปลวไฟถ้าเราไปจับมัน เราก็ร้อน ถ้าเรารับรู้ว่ามันร้อน เราจะไปจับมันทำไม เราก็วางมันเสียอย่าไปยึดมั่นถือมั่น มันจักเกิดขึ้นอีกเป็นล้านครั้ง เราก็รู้เท่าทันแล้วละวางมันเสีย ใจเราก็จะสบาย ให้เราหัดพิจารณาธรรมอย่างนี้บ่อยๆก็จะมีความชำนาญขึ้น เป็นการละกิเลสออกจากตัวเราทีละน้อยๆ ขัดเกลาจิตใจเราให้เบา ให้สบาย ให้มีความสงบ
ดังนั้น ทุกข์หรือความดับทุกข์ที่แท้จริงนั้น มันต้องทำที่ใจภายในของตนนี่แหละ เพราะมันเกิดขึ้นจากใจตนเองเท่านั้น
.........................................................................................................
IT Man: โมทนาสาธุครับ...คุณสันติ (ซึ้งบน)
อวิชชา...หลุมพลางของผู้กำลังศึกษาแลปฏิบัติจริงๆ
.........................................................................................................
นาคน้อย: สาธุกับการตั้งจิตอธิษฐานครับ พวกเราก็คิดอย่างที่ทุกคนครับ
.........................................................................................................
คุณอ๊อด: มหามุฑิตาโมทนาสาธุุกับท่านซึ้งบนทุกประการครับ
.........................................................................................................

Jokky: โมทนาสาธุๆครับ ธรรมข้อนี้ตรงใจมากๆครับ
.........................................................................................................
มานพ
สวัสดีรอบดึกครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้ยินพี่สันติบอกว่า"เก๋ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเราก็เป็นลูกศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์คนเดียวกัน"
ได้ยินแล้วซึ้งใจจริงๆมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกองเลย
"ยังไงพวกเราก็เป็นศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช เหมือนกันนะ"
ขอให้คืนนี้สมาธิกล้าแข็งปัญญาเฉียบแหลมนะครับพี่ๆ
.........................................................................................................
สมาชิกธรรม: 
โมทนาสาธุครับท่านสันติ.....ยินดีด้วยครับกับความก้าวหน้าในการปฎิบัติท่านสันติไปได้เร็วและไกลมากแล้วเพียงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่เดือนภูมิธรรมของท่านนั้นไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆไม่ธรรมดาเลยนะครับ(จากถ้อยธรรมของท่าน)ชื่นชมครับ..... เหมาะสมและสมควรแล้วครับที่เป็นบุรุษผู้ห้าวหาญผู้นั้น.....ยินดีด้วยครับ
.........................................................................................................

IT Man:
อาการหลงดี อาการติดในอวิชชาทั้งหลายนั้น หากไม่ได้ครูบาอาจารย์ ผู้เคยเคี่ยวเข็ญกันมานับภพชาติไม่ถ้วน (ดั่งช้างพลาย ย่อมกลัวนายควาญช้าง) ยากยิ่งนักที่จักได้สติกลับคืนมา คงเป็นบุญของผมกับท่าน ดร.นนต์ที่ท่านสู้อุตส่าห์หนี...ลงมาช่วย ลงมาโปรดเหล่าศิษย์ที่จักก้าวล่วงสู่อบายภูมิโดยไม่รู้ตัว

ท่านพูดเปรยๆในเช้าวันแรก (ที่ 21 ต.ค.) ที่ผมคุยกะครูชาติแบบทีเล่นทีจริงโดยไม่รู้ตัวว่า "ระวังเด้อโยม อาตมาเคยเห็นมามากแล้ว ที่ความคิดพาคนลงนรก มันไม่ต้องรอให้ตายไปก่อนค่อยลงนรก มันพาลงไปนรกตั้งแต่ขณะคิดกันเลย" 

ผมพะวงและตกใจอย่างยิ่ง เพราะเราไม่ได้เดินทางไกลมาเพื่อจะลงนรกนะ จึงสบโอกาสถามท่านว่าจักทำอย่างไรดีขอรับ ท่านก็ได้เมตตาสอนว่า "อย่าทำอีก! ธรรมดาของเหม็น แม้มือเราไปแตะต้องเพียงนิดหน่อยเราก็รู้ว่าเหม็น เมื่อรู้แล้วต้องรีบชำระล้าง อย่าไปแตะต้องมันอีก อย่าไปเล่นกับมัน ดุจดั่งไฟ เมื่อเรารู้ว่ามันร้อน ก็อย่าไปแตะต้องมัน บุญกับบาปแยกแยะกันชัดเจน "บาป" แม้เราจักไม่รู้(อวิชชา) ว่าที่เราคิดหรือกระทำมันเป็นบาป อย่างไรมันก็เป็นบาป ดังนั้นการนำเรื่องราวของพระอริยะเจ้า พระโพธิสัตว์ หรือคุณธรรมทางพระพุทธศาสนามาพูดเล่นนั้นไม่ได้(เรียบเรียงคำพูดใหม่จากความทรงจำ)

ในเช้าวันนั้นท่านโปรดต่อว่า... พุทธพยากรณ์นั้น พระองค์ทรงตรัสแล้วเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง ผู้ที่ทำเหตุให้สมควรจักได้ตามเหตุ ท่านถึงจักพยากรณ์ให้ได้ว่าผู้นั้นจักได้ตามนั้น(สัจจะอธิษฐาน) วาจาของท่านไม่มีเหลาะแหละเหลวไหล ตรัสอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฯลฯ

เรื่องฤทธิ์เรื่องเดชนั้น มันเป็นของโลก มันเป็นของเล่น มันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมากของพระอริยะเจ้า เมื่อท่านได้ปริญญามาแล้ว จักไปสนใจเล่นอะไรกะเด็กอนุบาล คุณธรรมเพียงขั้นพระโสดาบัน ท่านไม่จำเป็นต้องห้อยพระ หาเครื่องรางของขลังดอก เพราะกายของท่านเป็นธาตุกายสิทธิ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว พระโสดาบันจึงไม่ใช่เพียงละสังโยชน์ 3 ตามตำรา ความจริงมีมากกว่านั้นยิ่งนัก อารมณ์เครืองโกรธ ขุ่นมัวแทบไม่มีเลย ฯลฯ

คุณแม่ชมถาม(กิเลส)ผมบ่อยๆระหว่างการเดินทางกลับ ว่า...ตื่นหรือยังลูก? ตื่นหรือยัง? ทั้งๆที่ผมเบิกตาลืม ผมก็บอกว่าตื่นแล้วครับแม่ - เมื่อท่านรับรู้ว่าเราตื่นแล้วและอาจจะกังวลใจ ท่านถึงได้พูดปลอบประโลมว่า ธรรมดาต้นไม้นั้นรากฐานแข็งแรง ลำต้นตรงสวยเด่นงามดีอยู่ เพียงแต่มีบางกิ่งที่ยื่นออกนอกแนวทางไปหาขวากหนาม ตอนนี้...ได้ดัด ได้แต่ง ให้กลับมาเป็นปกติแล้ว ขอให้มีกำลังใจมุ่งมั่นปฏิบัติต่อไปนะลูก
(ปรับปรุงมาจากคำพูดของคุณแม่ชม)

ธรรมดาคนเรา หากพูดถึงอดีตชาติก็พูดถึงแต่ความยิ่งใหญ่ของตัวเอง กลับไม่สอดส่องดูเลยว่า ตัวเองเคยตกนรกขุมไหน เคยเป็นสัตว์อะไรมาบ้าง มัวแต่ทะนงตนว่าอยู่สูง เปรียบดั่งภาชนะ แม้ทำด้วยทองคำกลับแตกหักง่าย สู้ภาชนะที่ทำด้วยกะลามะพร้าวก็ไม่ได้ น่าแปลกใจดีแท้...
(ปรับปรุงมาจากคำพูดของคุณแม่ชม)

การก้าวเดินในการปฏิบัติธรรมของนักรบธรรม ภายใต้พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช จักต้องสง่างาม ทั้งภายนอกและภายใน เหมือนปฏิปทาของท่าน ทำอะไรอย่าให้กระเทือนถึงท่าน เปรียบดั่งการหลอมทองคำให้เป็นพระพุทธรูป จักต้องมีแต่ทองคำเท่านั้น อย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมเจือปนนะลูก
(ปรับปรุงมาจากคำพูดของคุณแม่ชม)

ธรรมะสั่งผม ราวๆตี 2 ครึ่ง (ก่อนลงไปนอน แล้วเดินทางต่อในตี 3 ครึ่ง)
พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพูดอย่างอิดโรยจนผมสะเทือนใจมาถึงตอนนี้...ที่ท่านยังไม่ยอมพักหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวันและคืนที่ 23-24 ต.ค. ว่า...
การแสดงความคิด ความเห็นในระหว่างที่เรายังไม่รู้ทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง ต้องใช้คำพูดที่ว่า ตัวเราเป็นเพียงผู้ศึกษา ยังไม่ใช่นักปฏิบัติ หรือผู้รู้ เพราะมีคนที่คอยติดตาม คอยปฏิบัติตามเราอยู่ ในขณะเดียวกันก็มีผู้ที่คอยจ้องจักทำร้ายหรือกระทืบซ้ำเติมเราอยู่ มีทั้งเทพบุตรมาร มีทั้งมนุษย์ที่ใช้คำพูดดีๆแต่ใจเป็นมาร มารมันไม่ยอมให้เราหลุดพ้นจากอำนาจของมันไปได้ง่ายๆ นรก มนุษย์ สวรรค์ พรหม ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้อำนาจของมารทั้งนั้นเลย

กราบนอบน้อมบูชาพระคุณถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชด้วยความเคารพสูงยิ่ง

กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ
IT Man / 28 ต.ค. 2554

.........................................................................................................
ครูชาติ

เช้าวันนี้ผมรู้สึกดีใจปิติจนขนลุกซู่ เมื่อมาอ่านข้อความต่างๆ ของแต่ละท่าน จึงขออนุญาตยกข้อความของท่าน ดร.นนต์ และของคุณสันติ มาประกอบ
ยินดีกับท่าน ดร.นนต์ ด้วยนะครับที่ท่านเข้าใจสภาวะธรรม สามารถเข้าใจคำว่า "อวิชชา" และหันมาใช้ปัญญาพิจารณาธรรมตามสภาวะที่เป็นจริง ตอนแรกผมและนักรบธรรมหลายท่านก็ลุ้นอยู่ว่าท่านจะผ่านได้หรือเปล่า หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าคุณสันติ และคุณพิเชษฐ์หายไปจากเว็บบอร์ดไปเลย ซึ่งผมก็ได้กราบเรียนพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นระยะ ท่านก็บอกว่าท่าจะพยายามลองดู หากเขามีวาสนา และบุญบารมียังมีอยู่ คุณงามความดีทั้งหลายจะทำให้เขามีความเห็นไปในทางที่ถูกต้องได้ ก็เป็นจริงดังที่ท่านกล่าว เพราะพ่อแม่ครูอาจารย์ได้เดินทางไปโปรดโดยตรง และก็มีคณะหลวงปู่เทพโลกอุดรมานิมิตให้อีก นี่แหละพระธรรมมารักษาคุณดีย่อมมีสิ่งรักษา... ลองถามดูคุณอ้าน ดูนะครับบุญกุศลได้ช่วยให้เขาผ่านพ้นวิกฤตเหตุการณ์สูนามิที่ญี่ปุ่น เห็นพ่อแม่ครูอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกก็งงว่าทำให้เขาให้ออกจากงานที่ญี่ปุ่น พอกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์สูนามิที่ญี่ปุ่น จากนั้นก็มาสมัครสอบและได้ทำงานที่ ม.ราชภัฏมหาสารคาม รายละเอียดคงให้เจ้าตัวคือคุณอ้านมาเล่าให้ฟังอีกที....ท่าน ดร.นนต์ ก็เช่นกันหากหลงผิดผิดแล้วกลับตัวทันยังไม่สาย เพราะเป็นอดีตไปแล้ว ให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น อดีตเก็บเอาไว้เตือนตนไม่ให้ทำอีกเท่านั้น ต่อไปนี้กองทัพธรรมของเราก็เดินหน้าต่อไปได้แล้ว...พวกเรานักรบธรรมทุกคนจะถือเอาเหตุการณ์นี้มาเป็นคติเตือนตน และต้องใช้ปัญญาให้มาก และพวกเราทุกคนยังเคารพและนับถือท่านดร.นนต์ เช่นเดิม พร้อมที่จะให้ท่านดร.นนต์ เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพธรรมที่จะร่วมกันสร้างบารมี โดยมีพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช เป็นผู้นำ คอยชี้แนะแนวทางถูกผิด เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมก็มีถูกบ้างผิดผิดผู้ที่อยู่สูงกว่าเราเท่านั้นจะรู้....
ขออนุญาตนำข้อความของคุณสันตที่กล่าวว่า "พ่อแม่ครูอาจารย์ของข้าฯ ชื่อ พ.สุรเตโช ข้าฯขอตั้งจิตอธิษฐาน ไม่ว่าจะเกิดหรือดับอีกกี่ภพกี่ชาติ จะขอกราบเป็นศิษย์ของท่านและจักเดินตามรอยบาทของท่าน ทุกภพทุกชาติ ตราบจนกระทั่งถึงซึ่งความหลุดพ้นทั้งหลายทั้งปวงจากกิเลส เหตุแห่งทุกข์" ข้าพเจ้าก็ขอตั้งจิตอธิษฐานเช่นเดียวกับคุณสันติดังข้อความข้างต้น และผู้ที่จะช่วยให้ข้าพเจ้าพ้นทุกข์ได้มีเพียงพ่อแม่ครูอาจารย์เท่านั้น ข้าพเจ้าขอมอบกาย ถวายแด่ท่าน และจะไม่อะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรม จะยึดเอาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งตลอดไป....
การประพฤติปฏิบัติต้องประกอบด้วยสติปัญญา ปัญญาเท่านั้นที่จะช่วยให้เราพ้นทุกข์ พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญาและทำเหตุให้สมผล ทำไปเรื่อยๆ ไม่ท้อรับรองคงได้รับผลแน่นอน....ขอให้ทุกท่านจงเจริญในธรรม....
.........................................................................................................
ขออนุโมทนาบุญทุกประการ กับพี่สมบัติด้วยครับที่พ่อแม่ครูอาจารย์ ได้ไปโปรดที่บ้านที่แม่สอด โบราณกล่าวว่าที่ใดหนใดที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตเจ้า ได้ไปโปรดที่แห่งนั้นจะมีแต่ความเจริญ ความร่มเย็น ความเป็นมงคล

พี่จะรับรู้ได้ด้วยตนเอง ว่าวันเวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเช้า เดี๋ยวเย็น อ้าว...หมดวันแล้ว อ้าว...ผ่านไป 1 วัน 2 วัน 3 วัน....จนกระทั่งถึงวันที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจะเดินทางกลับ ใจเราจะเบา ใจเราจะเย็น ใจเราจะสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่บางทีเราก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ ว่าทำไม มันถึงเป็นอย่างนั้น ประสบการณ์อย่างนี้ มันจะมีค่ากับชีวิตของเรามาก มันจะเป็นสิ่งที่เราคงต้องจดจำเอาไว้ ในหัวใจตลอดชีวิตครับ

พี่พิเชฐเคยแนะนำว่า ควรหาเครื่องบันทึกเสียง แล้วขออนุญาติพ่อแม่ครูอาจารย์ท่าน บันทึกคำสอนของท่านเอาไว้เพื่อศึกษา ซึ่งมีค่ามากเพราะเราคงจำได้ไม่หมดแน่ แต่ผมก็ลืมสุดท้ายได้แต่จำไว้ในใจ น่าเสียดายโดยแท้ ทุกวันนี้ก็พยายามนึกถึงคำสอนของท่านอยู่ตลอด ว่าหลังจากนั่งสมาธิจนจิตอิ่มตัวแล้ว จิตมันจะค่อยๆถอน จนมาถึงจุดหนึ่ง (ซึ่งในหนังสือของ หลวงพ่อทูล ท่านบอกว่า การปฏิบัติต้องเริ่มต้นจากการทำสมาธิ ให้มีความสงบไปก่อน เมื่อจิตมีความสงบแล้ว จะถอนตัวออกมาอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ แล้วน้อมไปสู่ปัญญา พิจารณาในสัจจธรรมตามความเป็นจริง) ให้เริ่มใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในแต่ละวัน ที่เข้ามากระทบใจของเรา และก็พยายามทำบ่อยๆ ทำให้ชำนาญ เพื่อที่จะเข้าใจคำสอนของท่านยิ่งๆขึ้นไป

มีอยู่คืนนึงผมนั่งสมาธิที่หลังบ้าน (ปกติจะนั่งที่ห้องพระ) ขณะที่จิตกำลังรวมอยู่นั้น รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ทำให้ขนหัวลุกซู่ และเย็นวาบไปทั้งร่างกาย ความรู้สึกอย่างนี้ผมเคยกราบเรียนถามพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่าเป็นเพราะเหตุไร ท่านบอกว่า ผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้ทำความดีมีบุญ พวกเหล่ากายทิพย์ พวกวิญญาณต่างๆเขาจะรับรู้ และเห็นแสงในตัวของผู้นั้นทีจะสามารถขอส่วนบุญได้ ท่านแนะนำให้ทำสมาธิต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากสมาธิ แล้วค่อยแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เขาเหล่านั้น ซึ่งมีเทวดาด้วยไม่ใช่จะมีเฉพาะวิญญาณ เจ้าที่เจ้าทาง ฯลฯ อย่างเดียว

เรื่องเหล่านี้ผมเล่าจากประสบการณ์ของผม ให้เหล่าพี่น้อง นรธ.ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เป็นกำลังใจ ในการปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ส่วนท่านอื่นที่ผ่านเข้ามาอ่าน ถ้าเชื่อและได้รับประโยชน์ผมก็ขออนุโมทนาด้วย แต่ถ้าไม่เชื่อก็อย่าได้ปรามาสกันนะครับ

( เพราะผมยกพ่อแม่ครูอาจารย์ของผมไว้เหนือหัวครับ ท่านสั่งสอนธรรมใดผมเชื่อและปฏิบัติตามสุดกายสุดใจ ครับ)
.........................................................................................................
ครูชาติ เมื่อ 30-11-2011, 11:38 AM


หลายคนอาจจะมองว่าผมหายหน้าไปไหน จริงๆ แล้วไม่ได้หายหน้าไปไหนเข้ามาแวะเวียนอ่านกระทู้ทุกๆ วัน แต่มีเวลาไม่ว่างพอจะแสดงความคิดเห็นผมขอเริ่มจาก ธรรมสัญจรครั้งที่ 1 ก็แล้วกันครับ
เส้นทางการเดินทางของเหล่านักรบธรรมจาก ธรรมะสัญจร ครั้งที่ 1 ณ สวนสันติธรรม (เดินทางไปอิสานใต้และภาคตะวันออก) ผมได้ร่วมเดินทางกับพ่อแม่ครูอาจารย์เพื่อไปโปรดญาติธรรมทางภาคตะวันออก และได้พำนัก ณ สวนสันติธรรม (บ้านคุณสันติ) ได้พบเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาฟังธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ขาดสายมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นซึ่งมองดูแล้วทุกคนต่างก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ซึ่งได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว....การไปครั้งนั้นก็ขออนุโมทนา และขอแสดงความยินดีกับคุณสันติและภรรยา ที่ให้บ้านสวนเป็นสถานที่พักและและเป็นสถานที่แสดงธรรมแก่เหล่านักรบธรรมทั้งหลาย บุญกุศลใดท่านท่านเคยทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี และในปัจจุบันชาติก็ดีขอให้บุญนั้นจะเป็นพลปัจจัยให้ท่านได้มรรคผลนิพานด้วยเทอญ....
จากนั้นผมได้ร่วมเดินทางไปธุดงค์กับพ่อแม่ครูอาจารย์ในธรรมสัญญจร ครั้งที่ 2 ณ บ้านคุณสมบัติ อ.แม่สอด จ.ตาก ก็ได้ญาติธรรมของคุณสมบัติ ที่แม่สอด และ ที่จ.แม่ฮ่องสอน แวะเวียนมาฟังธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์เช่นกัน...การเดินทางไปครั้งนี้ได้พบเห็นเหตุการณ์หลายๆ อย่างและก็ได้ธรรมะมาสอนใจตนเองเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สภาวะธรรมที่เกิดกับคุณแม่ชม หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่คุณสมบัติ และคุณบี้ออกอาการเมารถ ทำให้รู้ว่าร่างกายของเราต้องการพักผ่อนอาหารของเขาก็ต้องพักผ่อนจึงจะไปต่อได้ เส้นทาเดินเต็มไปด้วยป่าเขาเส้นทางเดินอันคดเคียว ทำให้ร่างกายรับสถาพไม่ไหวจึงเกิดอาการเมารถ ทำให้ทราบได้ว่าร่างกายไม่ใช่ของๆ เราจริงๆ ทั้งที่ใจของเรายังสู้นั่งภาวนาไปด้วย หากร่างกายเรารับไม่ไหวก็แสดงออกมาอย่างนั้นทำให้เห็นสภาวะธรรมได้เลยว่า กายกับจิตเป็นคนละส่วนกันมันไม่ใช่ของๆ เรา หากเป็นของเราแล้วต้องบอกมันได้....ซึ่งทำให้เราเห็นสภาวะธรรมจริงๆ ดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์พยายามพร่ำสอนเราอยู่เสมอว่า "กายกับจิตเป็นคนละซึ่งประกอบมาจากธาตุ 4 และขันธ์ 5 เราไม่สามารถบังคับมันได้" ท่านฝึกให้เราพยายามมองให้เห็นสภาวะธรรมของจริง... ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ก็เหมือนกับการปฏิบัติธรรมภาคปฏิบัติหลังจากเราได้ศึกษาหลักทฤฆฎีจากท่านแล้ว....
ท้ายที่สุดก็ขออนุโมทนากับผู้ใจบุญ ผู้มีจิตศรัทธาทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมกันเสียสละปัจจัยเป็นค่าพาหนะ ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ ในการเดินทางธรรมสัญจร ทั้ง 2 ครั้งนี้ เหล่านักรบธรรมทั้งหลายก็รู้ซาบซึ้งในความคุณงามความดีของท่านทั้งหลาย....ก็ขออนุโมทนาด้วยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดีทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งอานิสงค์แห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมของพวกเราทั้งหลาย รวมทั้งคุณงามความดีที่ท่านได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี และในปัจจุบันชาติก็ดี จงเป็นพลปัจจัยให้ท่านและครอบครัวจงมีความสุขความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม หากท่านประพฤติปฏิบัติธรรมก็ขอให้พระธรรมจงคุ้มครองรักษาท่านให้ท่านได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ....สาธุ....
ขอให้เจริญในธรรม....

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

20: โปรด นรธ.ดร.นนต์



 

23 ตุลาคม 2554 ประมาณหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มกว่าๆ พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และเหล่านักรบธรรม ได้เดินทางไปนมัสการรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ณ วิหารหลวงปู่โต ริมถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว โคราช (สร้างโดยคุณสรพงศ์ ชาตรี และพุทธสานิกชน)
ทุกสิ่งถูกกำหนดเวลาให้เข้าไปสักการะในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่วิหารได้ปิดแล้วตั้งแต่ห้าโมงเย็น พอไปถึง พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้ลงจากรถโดยเร็วและเดินเข้าไปในวิหารเสมือนกลับบ้านตัวเอง ยามเฝ้าวิหารได้เดินเข้ามาอำนวยความสะดวกโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก เหล่านักรบธรรมก็ยังงงๆในเหตุการณ์นั้น แต่ต้องรีบเดินติดตามไปให้ทัน ทุกสิ่งดำเนินไปในสภาวะที่ไม่สามารถอธิบายให้ผู้ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ได้เข้าใจทั้งหมด หลังจากพ่อแม่ครูอาจารย์ได้เดินขึ้นไปนมัสสการหลวงปู่โตแล้ว ได้เดินลงมาข้างล่างทำให้คุณแม่ชมถึงกับปีติสุดๆ น้ำตาหลั่งไหลออกมาอยู่นานสองนาน เหล่านักรบธรรมก็พลอยปีติไม่แพ้กัน ความลังเลสงสัยไม่มีอีกต่อไป นัยยะบางอย่างยิ่งตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โอ้หนอ...จิตและกายของผู้ที่อยู่เหนือโลก แม้จะเกิดดับกี่ชาติภพ ก็ยังเปล่งรังสีออกมาไม่สิ้นสุด...พวกเราไม่มีใครพูดหรือซักถามพ่อแม่ครูอาจารย์ในความสงสัยใดๆ เพราะเข้าใจในสภาวะเหนือโลกด้วยจิตด้วยใจของแต่ละคนอยู่แล้ว
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
25 ตุลาคม 2554

.........................................................................................................
23 ตุลาคม 2554 เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และเหล่านักรบธรรมได้เดินทางมาถึงบ้านของผม หลังจากนั้นท่านได้แสดงธรรมโปรดญาติธรรมจนถึงเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ แม้จะจบการแสดงธรรมแล้ว แต่ญาติธรรมหลายๆท่านยังไม่ค่อยอยากจะกลับเท่าใดนัก กว่าเหล่านักรบธรรมจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสองกว่าๆ นี้หละหนาการฟังธรรมอันประเสริฐ สามารถทำให้ลืมความง่วงนอนได้
ปล. ญาติธรรมที่มาสมทบเพื่อกราบนมัสการและฟังธรรม มาจากกรุงเทพฯคือ ท่านนาวาอากาศโทสุทน พร้อมญาติธรรมที่เป็นครูมาจากจังหวัดยะลาสองท่าน ครอบครัวของคุณจ็อกกี้ คุณประจักร์และคุณปุ้ย คุณโกศลและคุณแม่ อ.นฤดม(ม.ราชมงคลอีสาน)พร้อมครอบครัว
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
25 ตุลาคม 2554

  
นอกจากพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านจะได้แสดงธรรมโปรดพุทธศาสนิกชนแล้ว ท่านยังได้แสดงธรรมแก่คุณครูท่านหนึ่งที่ต่างศาสนา ครูสตรีท่านนี้ได้เดินทางมากับเพื่อนครูอีกท่านหนึ่งจากจังหวัดยะลา โดยมาพร้อมกับท่านนาวาอากาศโทสุทน เพื่อแสวงหาที่พึ่งในการปลดทุกข์ของเธอที่ได้รับความทุกข์ทรมานมาเกือบสี่สิบปี(38 ปี) หลังจากได้กราบถามพ่อแม่ครูอาจารย์แล้ว เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ได้แสดงธรรมโปรดเธอจบลง เธอมีอาการปีติจนต้องร้องไห้ออกมา ความทุกข์ทั้งหลายที่อัดอั้นมานับสี่สิบปี ได้คลายออกไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหลือแต่ความปีติและโอกาสที่เธอจะได้นำไปปฏิบัติเพื่อให้สิ้นทุกข์ทั้งหลายในอนาคตต่อไป ทุกคนที่นั่งฟังอยู่นั้น ต่างอนุโมทนาและให้กำลังใจ และยังได้รับประโยชน์จากธรรมที่พ่อแม่ครูอาจารย์แสดงออกมาเช่นกัน ดังที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านกล่าวว่า "ธรรมะเป็นของโลก" ไม่มีแบ่งเชื้อชาติศาสนา ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ พระพุทธองค์มิเคยปิดกั้นผู้ใด

คำถามของเธอคือ ความทุกข์ทรมานจากบางอย่างทำให้เธอนอนไม่หลับมานานเกือบทั้งชีวิต เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ได้แสดงธรรมโปรดเธอในตอนหนึ่งว่า ความทุกข์ทั้งหลายมันมีเหตุมาจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้น แล้วนำมาคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงทำให้เกิดทุกข์ ท่านชี้ให้เห็นโทษของสิ่งนั้นว่า มันเป็นสาเหตุของความทุกข์ หากสิ่งที่เรานำมาคิดมันเป็นคุณแล้วทำไมมันยังทำให้เกิดความทุกข์อยู่เล่า นั่นจึงแสดงว่าสิ่งที่เรานำมาคิดมาปรุงแต่งนั้น มันมีแต่โทษล้วนๆ

คำพูดของเธอในตอนหนึ่งว่า เธอเป็นครูแนะแนวที่คอยให้คำปรึกษาแก่คนอื่นได้ดี แต่ทำไมเธอยังทุกข์อยู่ พ่อแม่ครูอาจารย์จึงกล่าวกับเธอว่า ให้เอาคำสอนที่เธอสอนผู้อื่นนั้นแหละกลับมาสอนตัวเองด้วย อย่าลืมสอนตัวเอง หลังจากนั้นท่านจึงได้แนะนำพื้นฐานแห่งการดับทุกข์แบบง่ายๆ ที่เธอพอจะเข้าใจได้คือ ให้เธอระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีหรือสิ่งที่เธอนับถือสูงสุด เพราะศรัทธาในสิ่งที่ดี(สิ่งที่เป็นคุณ)จะทำให้เธอคลายกังวลไปสู่ความสงบ และให้มีสติรู้ลมหายใจเข้าออก เพราะสมาธิเป็นของกลางที่ทุกชนชาติศาสนาสามารถนำไปใช้ได้ การรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นการเพ่งอยู่ที่จุดเดียว จึงทำให้ความคิดไม่ฟุ้งซ่านไปที่อื่น ดั่งที่นักปฏิบัติเข้าใจกันดี ท่านบอกว่านี้คือ วิธีที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างง่ายๆ และไม่ขัดกับศาสนาของเธอ ความเมตตาและรังสีธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ได้แผ่ไปถึงเธออย่างน่าอัศจรรย์ เช้าต่อมาผมทราบจากท่านสุทนว่า เธอจะขอไปกราบและฟังธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไหในโอกาสต่อๆไปอีกครั้ง

อนึ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์ได้มอบปฐวีธาตุที่ไม่มีรูปพระพุทธเจ้าแก่เธอ เพื่อเป็นที่ระลึกและจะได้ไม่ผิดศาสนาของเธออีกด้วย จึงขออนุโมทนาด้วยทุกประการครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
25 ตุลาคม 2554