กาลครั้งหนึ่ง ณ ภูผาผึ้ง
ดร.นนต์: 15-08-2011, 11:04 AM #3819
"ภูผาผึ้ง" ดินแดน "อริยเจ้า" ที่เหล่านักรบธรรม ล้วนเคยบำเพ็ญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ดินแดนแห่งนี้มาตั้งแต่อดีตชาติ อนึ่ง...มีปริศนาหนึ่งผมจะขอตีความตามจิตของตัวเองคือ ปัญจวคีย์แบบพุทธประเพณีที่จะเกิดขึ้นในพุทธันดรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกในกัปป์หน้า ต่อจากพระศรีอาริยเมตไตรย ก็เคยบำเพ็ญอยู่ร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ดินแดนแห่งนี้ (พระติดตามห้ารูป เณรหนึ่งรูป)
กาลหนึ่ง วันที่ 13 สิงหาคม 2554 ขึ้น 14 ค่ำ เดือนเก้า เวลาประมาณบ่ายโมง เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาสอนธรรมและปฏิบัติธรรมขั้นสูงบนลานหินยอดภูผาผึ้ง ขณะกำลังเข้ากรรมฐาน องค์สุริยเทพได้แผ่รังสีพลานุภาพอย่างแรงกล้ามากที่สุดที่เคยพบมาในชีวิตในชั่วระยะไม่กี่นาที (ปรกติท้องฟ้าครึ้ม) ทุกคนได้รับพลังประหลาดนั้น และรู้สึกเช่นกันถึงพลานุภาพ แม้จะถูกรังสีแผดกล้าเหมือนไฟกำลังไหม้ผิวหนังอย่างรุนแรง แต่ความเย็นกลับแผ่ซ่านไปทั้งอินทรีย์ จิตกลับรวมอย่างรวดเร็ว และผิวกายไม่ดำไหม้แต่กลับขาวผ่องอย่างน่าอัศจรรย์ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า พระพุทธองค์มีพระเมตตาเสด็จมาอนุโมทนาและรับทราบในการแสวงบุญกันในครั้งนี้
ตกกลางคืน เวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีห้า ฝนได้ตกกระหน่ำเฉพาะบริเวณวัดภูดานไห โดยเฉพาะศาลาลานธรรม ที่เหล่านักรบธรรมกำลังนอนอยู่ในเต๊นท์และมุ้งกลด แต่บริเวณรอบนอกวัดออกไปกลับมีแสงดาวเต็มท้องฟ้า พวกเราสี่คนมี ผม คุณสมบัติ ครูชาติ คุณประจักร์(สาวกธรรม1) ได้ถูกทดสอบหลังจากเผชิญกับการนั่งสมาธิใต้แสงอาทิตย์อันแผดจ้าอีกครั้ง เพราะศาลาลานธรรมที่เราอยู่นั้น หลังคารั่วและน้ำหลากไหลเข้ามาจนเจิ่งนองไปทั้งพื้น ท่านสมบัติและท่านสาวกธรรมโชคดีที่ได้เต๊นท์กันน้ำได้ จึงยังคงนอนต่อไปได้ท่ามกลางกระแสน้ำไหล ส่วนผมมีมุ้งกลดและท่านครูชาติมีมุ้งครอบจึงไม่สามารถกันน้ำได้ ครูชาติจึงต้องนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำไหลผ่านกายด้วยความแน่วแน่ ผมเองต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิในขณะที่ผ้าห่มเปียกน้ำ และพอมีพื้นที่ที่ไม่เปียกน้ำพอนั่งได้ แต่ต้องแย่งชิงกันกับตะขาบตัวไหญ่ตัวหนึ่ง เรามีกำลังมากกว่าจึงเชิญเขาออกไปนอกศาลาจะได้ไม่เบียดเบียนกัน การนอนและการนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำและเสียงพายุฝน จึงเป็นอีกบททดสอบหนึ่งที่เราได้รับในการไปกราบและปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ในครั้งนี้ ทุกอย่างถูกสอนด้วยสภาวะจริงของธรรมชาติและสภาวะจริงทางธรรม ที่พ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาแก่ลูกศิษย์ทั้งหลาย
ในความปีติและความระลึกรู้เรื่องของการบำเพ็ญบารมี ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ด้วยตนเองเป็นปัตจัตตัง สัจจะ สัทธรรม คือความจริง ความจริงย่อมเป็นความจริง แม้สิ่งนั้นจะอยู่เหนือโลก บางอย่างจึงมิสามารถจะอธิบายให้ผู้อื่นรับรู้ได้ นอกจากผู้ที่อยู่สูงกว่าตัวเราเท่านั้น ที่ท่านสามารถรู้ได้
ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมรู้ว่า "ธรรม" คือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติคือเป็นสิ่ง "เหนือโลก"หมายความว่า เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจสภาวะความจริงของโลกคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นักปฏิบัติย่อมละวางในสิ่งทั้งหลาย ไม่ยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นอารมณ์ เมื่อละวางได้ สภาวะเหนือโลกก็จะบังเกิดขึ้น การเข้าใจสภาวะความร้อนของแสงแดดที่แผดจ้า และการเข้าใจกระแสน้ำและเสียงพายุฝนกระหน่ำ จึงเป็นเพียงบททดสอบพื้นๆสำหรับเหล่านักรบธรรมเท่านั้น... จงสู้ต่อไป... ความเป็นคนเอาจริง ทำจริง จะนำทางทุกท่าน ดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างนั้น นับเป็นบุญยิ่งแล้วสำหรับพวกเรา...
ขอให้ศิษย์พระตถาคตจงเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
กาลหนึ่ง วันที่ 13 สิงหาคม 2554 ขึ้น 14 ค่ำ เดือนเก้า เวลาประมาณบ่ายโมง เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาสอนธรรมและปฏิบัติธรรมขั้นสูงบนลานหินยอดภูผาผึ้ง ขณะกำลังเข้ากรรมฐาน องค์สุริยเทพได้แผ่รังสีพลานุภาพอย่างแรงกล้ามากที่สุดที่เคยพบมาในชีวิตในชั่วระยะไม่กี่นาที (ปรกติท้องฟ้าครึ้ม) ทุกคนได้รับพลังประหลาดนั้น และรู้สึกเช่นกันถึงพลานุภาพ แม้จะถูกรังสีแผดกล้าเหมือนไฟกำลังไหม้ผิวหนังอย่างรุนแรง แต่ความเย็นกลับแผ่ซ่านไปทั้งอินทรีย์ จิตกลับรวมอย่างรวดเร็ว และผิวกายไม่ดำไหม้แต่กลับขาวผ่องอย่างน่าอัศจรรย์ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า พระพุทธองค์มีพระเมตตาเสด็จมาอนุโมทนาและรับทราบในการแสวงบุญกันในครั้งนี้
ตกกลางคืน เวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีห้า ฝนได้ตกกระหน่ำเฉพาะบริเวณวัดภูดานไห โดยเฉพาะศาลาลานธรรม ที่เหล่านักรบธรรมกำลังนอนอยู่ในเต๊นท์และมุ้งกลด แต่บริเวณรอบนอกวัดออกไปกลับมีแสงดาวเต็มท้องฟ้า พวกเราสี่คนมี ผม คุณสมบัติ ครูชาติ คุณประจักร์(สาวกธรรม1) ได้ถูกทดสอบหลังจากเผชิญกับการนั่งสมาธิใต้แสงอาทิตย์อันแผดจ้าอีกครั้ง เพราะศาลาลานธรรมที่เราอยู่นั้น หลังคารั่วและน้ำหลากไหลเข้ามาจนเจิ่งนองไปทั้งพื้น ท่านสมบัติและท่านสาวกธรรมโชคดีที่ได้เต๊นท์กันน้ำได้ จึงยังคงนอนต่อไปได้ท่ามกลางกระแสน้ำไหล ส่วนผมมีมุ้งกลดและท่านครูชาติมีมุ้งครอบจึงไม่สามารถกันน้ำได้ ครูชาติจึงต้องนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำไหลผ่านกายด้วยความแน่วแน่ ผมเองต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิในขณะที่ผ้าห่มเปียกน้ำ และพอมีพื้นที่ที่ไม่เปียกน้ำพอนั่งได้ แต่ต้องแย่งชิงกันกับตะขาบตัวไหญ่ตัวหนึ่ง เรามีกำลังมากกว่าจึงเชิญเขาออกไปนอกศาลาจะได้ไม่เบียดเบียนกัน การนอนและการนั่งสมาธิท่ามกลางกระแสน้ำและเสียงพายุฝน จึงเป็นอีกบททดสอบหนึ่งที่เราได้รับในการไปกราบและปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ในครั้งนี้ ทุกอย่างถูกสอนด้วยสภาวะจริงของธรรมชาติและสภาวะจริงทางธรรม ที่พ่อแม่ครูอาจารย์มีพระเมตตาแก่ลูกศิษย์ทั้งหลาย
ในความปีติและความระลึกรู้เรื่องของการบำเพ็ญบารมี ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ด้วยตนเองเป็นปัตจัตตัง สัจจะ สัทธรรม คือความจริง ความจริงย่อมเป็นความจริง แม้สิ่งนั้นจะอยู่เหนือโลก บางอย่างจึงมิสามารถจะอธิบายให้ผู้อื่นรับรู้ได้ นอกจากผู้ที่อยู่สูงกว่าตัวเราเท่านั้น ที่ท่านสามารถรู้ได้
ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมรู้ว่า "ธรรม" คือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติคือเป็นสิ่ง "เหนือโลก"หมายความว่า เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจสภาวะความจริงของโลกคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นักปฏิบัติย่อมละวางในสิ่งทั้งหลาย ไม่ยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นอารมณ์ เมื่อละวางได้ สภาวะเหนือโลกก็จะบังเกิดขึ้น การเข้าใจสภาวะความร้อนของแสงแดดที่แผดจ้า และการเข้าใจกระแสน้ำและเสียงพายุฝนกระหน่ำ จึงเป็นเพียงบททดสอบพื้นๆสำหรับเหล่านักรบธรรมเท่านั้น... จงสู้ต่อไป... ความเป็นคนเอาจริง ทำจริง จะนำทางทุกท่าน ดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างนั้น นับเป็นบุญยิ่งแล้วสำหรับพวกเรา...
ขอให้ศิษย์พระตถาคตจงเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
โมทนาสาธุกับท่านอ.นนต์ครับ
พระอาจารย์ท่านบรรยายได้หมดจด ณ วันเวลาที่เหล่านักรบธรรมได้เรียนรู้และได้เข้าใจในความจริงของ "ผู้รู้" และ "ผู้ถูกรู้"บนจุดสูงสุดของภูผาผึ้ง จะมีสักกี่คนที่พบว่าการนั่งกรรมฐานกลางรัศมีสุริยะเทพนั้นได้ธรรมมากมายกว่านั่งในห้องแอร์ หรือนั่งโดยมีพัดลมเป่า หรือนั่งในยามค่ำคืนอันสงบเย็นเหมือนทั่วๆ ไปที่ทุกคนเคยทำกัน ไม่เสียชาติเกิดแล้วหนอเรา
พระอาจารย์ท่านบรรยายได้หมดจด ณ วันเวลาที่เหล่านักรบธรรมได้เรียนรู้และได้เข้าใจในความจริงของ "ผู้รู้" และ "ผู้ถูกรู้"บนจุดสูงสุดของภูผาผึ้ง จะมีสักกี่คนที่พบว่าการนั่งกรรมฐานกลางรัศมีสุริยะเทพนั้นได้ธรรมมากมายกว่านั่งในห้องแอร์ หรือนั่งโดยมีพัดลมเป่า หรือนั่งในยามค่ำคืนอันสงบเย็นเหมือนทั่วๆ ไปที่ทุกคนเคยทำกัน ไม่เสียชาติเกิดแล้วหนอเรา
พระวรกายหรือธาตุขันธ์สมมุติของผู้อยู่เหนือโลก แม้จะละสังขารผ่านมาแล้วนับร้อยกว่าปีก็ยังคล้ายเดิม จริยวัตรและพระบารมีขององค์พุทธะย่อมแผ่ขจรไกลไปทั่วแดนโลกธาตุ ผู้อยู่ใกล้ชิดและได้รับพระเมตตาจากองค์ท่าน ย่อมมีความปีติอิ่มเอิบอย่างหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมกราบแทบเบื้องพระบาทของพระองค์ท่าน แม้ข้าพระพุทธเจ้าจะสามารถล่วงเข้าพระนิพพานได้ในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังอธิษฐานจิตเพื่อมาช่วยพระองค์ท่านจนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่...ในพุทธกัปป์ต่อไป และจะยังกิจเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้นภพสิ้นชาติ...
คำอธิษฐานจิตนี้ ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อเบื้องพระพักตร์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์พระเบื้องบน เหล่าเทวดา และเหล่านักรบธรรมที่ได้รับรู้ในความปีตินี้ด้วยกันในเช้าวันพระ 15 ค่ำ เดือนเก้า พุทธศักราช 2554 จึงขออนุโมทนาในอนุโมทนาทานของเพื่อนธรรมทุกท่าน และขอบุญกุศลจงย้อนกลับไปสู่เพื่อนธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านนะครับ
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมกราบแทบเบื้องพระบาทของพระองค์ท่าน แม้ข้าพระพุทธเจ้าจะสามารถล่วงเข้าพระนิพพานได้ในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังอธิษฐานจิตเพื่อมาช่วยพระองค์ท่านจนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่...ในพุทธกัปป์ต่อไป และจะยังกิจเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้นภพสิ้นชาติ...
คำอธิษฐานจิตนี้ ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อเบื้องพระพักตร์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์พระเบื้องบน เหล่าเทวดา และเหล่านักรบธรรมที่ได้รับรู้ในความปีตินี้ด้วยกันในเช้าวันพระ 15 ค่ำ เดือนเก้า พุทธศักราช 2554 จึงขออนุโมทนาในอนุโมทนาทานของเพื่อนธรรมทุกท่าน และขอบุญกุศลจงย้อนกลับไปสู่เพื่อนธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านนะครับ
ครูชาติ: 15-08-2011, 12:15 PM #3826
ทุกสิ่งที่เราพบเห็นคือของจริง ธรรมก็ของจริง พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพาพวกเราสร้างบารมีร่วมกันเพื่อพุทธภูมิ แล้วลองถามใจตัวเราหรือยังว่า "ตัวเราจริงหรือเปล่า" คนจริงจะพบของจริง คนไม่จริงก็จะไม่พบของจริง... ผมสัญญาว่าจะร่วมกับเหล่านักรบธรรมทุกท่านสร้างบารมีด้วยกันเพื่อมรรคผลนิพพานเป็นที่สุด.... และขออนุโมทนา ท่าน ดร.นนต์ ด้วยนะครับที่มาเจอพ่อแม่ครูอาจารย์ในอดีต....แล้วก็ได้ร่วมสร้างบารมีอีกครั้ง...และทุกคนที่มาเป็นนักรบธรรมคือ สาวกของท่านในอดีต และยังจะตามมาอีกมากมาย รอดูต่อไป...โดยไม่ต้องสงสัย...ต่อไปขอให้ตั้งหน้าตั้งตาสร้างบารมีร่วมกันเพื่อมรรคผลพระนิพพาน...ขอให้ถึงจุดหมายปลายทางทุกๆ ท่านเทอญ
ภูผาผึ้ง ดินแดนพุทธภูมิ และดินแดนอริยเจ้า ซึ่งเป็นที่พ่อแม่ครูอาจารย์เคยบำเพ็ญก่อนมาอยู่ภูดานไห ใครเป็นใครก็ดูเอาเองนะครับ
ครูชาติ:
ขออนุโมทนาสาธุด้วยทุกประการ ...ดีใจกับท่าน ดร.ด้วย เพราะวันนั้นทุกล้วนปิติกับท่าน คุณแม่ชม ก็ปิติจนน้ำตาไหล ส่วนผมก็ปิติเช่น จนน้ำตาไหลข้างในเช่นกัน...ขอให้คำอธิษฐานสมหวัง และเป็นจริงนะครับ...ขออนุโมทนาด้วย
IT Man:
ผมได้นมัสการถามพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ (การแผ่รังสีแห่งพระฉัพรรณรังสีกับแสงแห่งองค์สุริยะเทพ) จักเกิดขึ้นอีกหรือไม่ขอรับ ท่านก็ได้ตอบว่า สามารถเกิดขึ้นอีกได้อยู่ ก็พอเป็นกำลังใจให้เพื่อนธรรมที่ยังไม่มีโอกาสดีๆเช่นนี้นะครับ