วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

22: รหัส พ. พาน ในพระพุทธปฐวีธาตุ



รหัส พ. พาน ในพระพุทธปฐวีธาตุ

พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้มีเมตตาสอนธรรม ให้ผู้ปรารถนาความเจริญงอกงาม คือเดินไปในทางที่ดีที่ถูกที่ต้องที่ควรที่ตรง จักต้องเวียนไปทางขวา (ลักษณะของพระพุทธเจ้า) โดยอาศัยกำลังหรือพลังคือพละ 5 เป็นตัวขับเคลื่อน โดยอาศัยมรรคมีองค์ 8 ก็จักถึงโลกุตรธรรม 9 จึงจักถึงความพ้นทุกข์(โดยมีพุทธะอยู่ในใจ) และประกอบด้วยพรหมวิหาร 4 เป็นเครื่องหนุน เครื่องอาศัย

.........................................................................
1. มีพละ(พลัง)ทั้ง 5 ประกอบด้วย
- ศรัทธา(เชื่อในคำสอนพระพุทธเจ้า)
- วิริยะ(ความเพียร)
- สติ(ในทางที่ชอบ)
- สมาธิ(ตั้งมั่นในทางที่ชอบ)
- ปัญญา(มีปัญญาในทางที่ชอบ)
เป็นเครื่องหนุนให้ตนเองพ้นทุกข์
2. โดยมีพรหม(ผู้เป็นใหญ่)วิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นที่อาศัย
3. และมีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ

4. จึงจักถึงที่สุดแห่งทุกข์คือความพ้นทุกข์

.........................................................................
- โลกุตรธรรม 9 คือธรรมเหนือโลก : มรรค 4 ผล 4 พระนิพพาน 1 (พระพุทธเจ้า)
- พระอริยบุคคล 8 หรือ 4 คู่ ผู้มีธรรมเหนือโลก : คือพ้นจากจากปุถุชนคนธรรมดาแล้ว
คู่ที่ 1 พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค....โสดาปัตติผล
คู่ที่ 2 พระผู้ตั้งในสกิทาคามิมรรค....สกิทาคามิผล
คู่ที่ 3 พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรค....อนาคามิผล
คู่ที่ 4 พระผู้ตั้งอยู่ในอรหันตมรรค....อรหันตผล

.........................................................................
- มรรคมีองค์ 8
มรรค คือ หนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ (เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ) และนับเป็นหลักธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยหนทาง 8 ประการด้วยกัน เรียกว่า "มรรคมีองค์แปด" หรือ "มรรคแปด" (อัฏฐังคิกมรรค) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง เห็นถูกตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
2.สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
3.สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดสนทนา แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
4.สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
5.สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน
6.สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
7.สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
8.สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ

อริยมรรคมีองค์แปด เป็นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) คือ ทางที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

มรรคมีองค์แปด สามารถจัดเป็นหมวดหมู่ได้เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา

.........................................................................
สิ่งหนึ่งที่ท่านเมตตาสอนไว้ที่สุรินทร์คือ...
เรื่องการรักษาศีล
- ความดีทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ยาก (กว่าจะเข้าวัด ฟังธรรม ยากลำบาก) แต่เสื่อมง่าย
- ความชั่วทั้งหลาย สร้างง่าย แต่เสื่อมยาก มักจะติดอยู่นั่นแหละ
- จึงต้องมีการรักษาศีลอย่างตั้งใจมั่นไม่หวั่นไหว
- ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ เรามักจะทุกข์ มักจะห่วงคนรอบข้าง สมบัติเสมอๆ
- ยิ่งเวลาจะตาย จิตมันจะห่วงมากๆ จึงต้องมีศีลที่ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวโดยง่าย

ความวิบัติมี 2
1. วิบัติในทรัพย์สินเงินทอง : เช่น กรณีน้ำท่วม เราไม่สามารถหามาคืนหรือช่วยเขาได้
2. วิบัติจากความดีความงาม : เขาวิบัติในสิ่งนี้ เขาจึงสร้างแต่ความชั่ว เขาจึงเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ต้องอาศัยอุเบกขาเข้ามาช่วย